การดาหน้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีการเดินทางไปเยือนมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ระหว่างวันที่ 2-4 ต.ค.ที่ผ่านมาของทีมโฆษกและแกนนำพรรคเพื่อแม้วเป็นเงาสะท้อนธาตุแท้ตัวตนของพรรคเพื่อแม้วที่พร้อมใช้วิธีการสกปรกทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเมือง
ความจริงแล้วการเยือนสหรัฐฯอย่างเป็นทางการของ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้เป็นการเยือนตามคำเชื้อเชิญของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ของสหรัฐฯซึ่งถือเป็นเกียรติ์และ พล.อ.ประยุทธ์ ไปในฐานะตัวแทนของประเทศ ซึ่งปกติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯไม่เชิญใครไปเยือนอย่างเป็นทางการง่ายๆ เว้นแต่สหรัฐฯจะให้ความสำคัญกับผู้นำประเทศนั้น อีกทั้งเป็นการเชิญผู้นำไทยทั้งๆที่ขัดกับหลักการของสหรัฐฯที่ไม่ยอมรับผู้นำรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร
ดังนั้นในฐานะคนไทยไม่ว่าจะขั้วการเมืองไหนแม้แต่พรรคเพื่อแม้วซึ่งทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลคสช.ก็ควรคำนึงถึงผลภาพพจน์หน้าตาของประเทศมาก่อนผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง จึงควรมีความภาคภูมิใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเกียรติ์เชิญให้ไปเยือนและพบปะเจรจากับผู้นำสหรัฐฯในห้องรูปไข่ของทำเนียบขาวซึ่งผู้นำประเทศน้อยคนที่โอกาสเช่นนี้ท่ามกลางการต้อนรับอย่างสมเกียรติและอบอุ่น ภายใต้การเจรจาซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายย่อมต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศของตัวเอง แต่ในที่สุดทุกอย่างจบลงแบบวินวินคือต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ซึ่งกันและกันซึ่งเป็นเรื่องปกติของการเจรจาความเมือง
เหนือสิ่งอื่นใดประโยชน์ที่ได้อย่างใหญ่หลวงก็คือการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯซึ่งเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นมานานให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหลังจากที่หมางเมินในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งเป็นการสร้างเชื่อมั่นให้กับไทยอย่างมากหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 17 พ.ค.2557
แต่ทีมโฆษกของพรรคเพื่อแม้วกลับแสดงพฤติกรรมบ่อนทำลายเพื่อเป้าหมายทางการเมืองของตัวเองโดยดาหน้ากันออกมาวิพากษณ์วิจารณ์รัฐบาลในเรื่องหยุมหยิมและบางครั้งบิดเบือนแบบรายวัน โดยเฉพาะการโจมตีการเดินทางเยือนสหรัฐฯของ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องปกติ แต่หากเป็นนักการเมืองและพรรคการเมืองมือที่ดีมีจิตนึกต้องวิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานเชิงสร้างสรรค์และตรงไปตรงมาไม่บิดเบือนมีเหตุมีผลและมีข้อมูลรองรับ โดยเฉพาะในเรื่องละเอียดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับหน้าตาผลประโยชน์ของประเทศในสายตานานาชาติ
โดย น.ส.สุณิสา เลิศภควัต หนึ่งในทีมโฆษกพรรคเพื่อแม้วออกมาแถลงโจมตีการเยือนสหรัฐฯอย่างเป็นทางการของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นการขายชาติโดยอ้างแบบเลื่อนลอยว่าผู้นำไทยสมยอมกับผู้นำสหรัฐฯโดยจะใช้ไทยเป็นผู้นำในอาเซียนที่เคลื่อนไหวต่อต้านเกาหลีเหนือ ซึ่งนอกจากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรความรับผิดชอบแล้วยังเป็นการชักศึกเข้าบ้านทำลายชาติบ้านเมืองจากการเข้าใจผิดของเกาหลีเหนือ
น.ส.สุณิสา ยังเหน็บแนมโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นผู้นำที่สร้างความอับอายในสายตาชาวโลกเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เวลาพูดคุยเจรจากับผู้นำสหรัฐฯก็เอาแต่พยักหน้าหงึกๆ ซึ่งคำวิจารณ์ดังกล่าวเป็นการส่อเจตนาบ่อนทำลายผู้นำไทยในเรื่องไร้สาระและบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะความจริงไม่จำเป็นเลยที่ผู้นำของทุกประเทศจะพูดภาษาอังกฤษได้ เนื่องจากแต่ละประเทศต่างก็เป็นรัฐเอกราชที่ต้องรักษาเอกลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้นผู้นำแต่ละประเทศจึงไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษได้เสมอไป อีกทั้งในการเจรจาความเมืองระหว่างผู้นำประเทศจะมีล่ามคอยทำหน้าที่แปลระหว่างการเจรจาพูดคุยระหว่างผู้นำเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกันฝ่ายไทยมี พล.ท. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกรัฐบาล ซึ่งเชี่ยวชาญด้านภาษาทำหน้าที่เป็นล่ามระหว่างการพูดคุยสองต่อสองระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ ประธานาธิบดีทรัมป์ภายในทำเนียบขาว
น.ส.สุณิสา คงลืมไปว่าในยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯเคยไปกล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษแล้วปล่อยไก่สร้างความอับอายแก่ประเทศหลายต่อหลายครั้ง อาทิ การไปปราศรัยในที่ประชุมเดโมรเครซี่ฟอรัมที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนิเซีย น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ่านโพยที่มีผู้เขียนบทให้อย่างไม่มีไหวพริบโดยกล่าวต่อหน้าผู้นำชาติต่างๆว่า “ Thank you three times” สร้างความอับอายในระดับนานาชาติ เพราะความจริงคนที่เขียนบทปราศรัยต้องการให้กล่าวขอบคุณ 3 ครั้ง
น.ส.สุณิสา ยังอ้างว่าการเดินทางไปเยือนสหรัฐฯของผู้นำไทยครั้งนี้สิ้นเปลืองงบประมาณทั้งๆที่ความจริงเป็นการเยือนที่ประหยัดงบประมาณมากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเฉพาะยุครัฐบาลระบอบทักษิณครองเมืองที่ผลาญงบเดินทางไปต่างประเทศอย่างฟุ่มเฟือยเป็นว่าเล่น และการเยือนต่างประเทศของคณะ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ได้ผลเกินคุ้มเพราะนอกผลการเจรจาเพื่อความร่วมมือและกระชับความสัมพันธุ์ระหว่างสองประเทศแล้ว ที่ประเมินค่าไม่ได้คือสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทย และการเดินทางเยือนสหรัฐฯครั้งนี้มีคณะนักธุรกิจชั้นนำของไทยจำนวนมากร่วมเดินทางไปเจรจาเพื่อขยายตลาดและการลงทุนระหว่างไทยและสหรัฐฯคิดเป็นมูลค่ามหาศาล โดยที่ผ่านมาไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ
การอ้างว่าการเยือนสหรัฐฯของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นเปลืองงบประมาณ หากเทียบกับยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ในช่วงเวลา 25 เดือนมีการเดินทางไปต่างประเทศโดยเกือบทั้งหมดไปเองโดยไม่ได้รับเชิญถึง 55 ทริปใน 45 ประเทศโดยมีคนในรัฐบาลและผู้ติดตามที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมเดินทางเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำเป็นจำนวนมาก และระหว่างการเยือนต่างประเทศต้องพักโรงแรมที่หรูหราและจัดเลี้ยงอาหารราคาแพง ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินมหาศาลแต่กลับไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากการสร้างภาพและเพื่อการท่องเที่ยว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด อีกหนึ่งในทีมโฆษกพรรคเพื่อแม้ว พยายามโจมตีการเยือนสหรัฐฯของ พล.อ.ประยุทธ์ ส่อเจตนาบิดเบือนและหาเรื่องตีรวนว่า ทำไมรัฐบาลไม่ให้ผู้นำสหรัฐฯมาเยือนไทย ทำไมผู้นำไทยต้องลงทุนบินไปพบผู้นำสหรัฐฯซึ่งเสียเกียรติภูมิของชาติ ทั้งๆที่การเยือนสหรัฐฯของ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้เป็นไปตามคำเชิญของประธานาธิบดีของสหรัฐฯเอง
ขณะที่ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อแม้ว วิพากษ์วิจารณ์เหน็บแนมและบิดเบือนว่าประธานาธิบดีของสหรัฐฯแสดงกริยาท่าทีไม่ให้เกียรติผู้นำไทยแม้แต่น้อยระหว่างการพบปะซี่งต่างจากการเยือนสหรัฐฯของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ที่ได้รับการต้อนรับจากผู้นำสหรัฐฯอย่างสมเกียรติ์
จากพฤติการณ์ของทีมโฆษกและแกนนำพรรคเพื่อแม้วสะท้อนถึงความอิจฉาตาร้อนในความสำเร็จของรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารที่แม้แต่ผู้นำชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯยังให้การยอมรับเชิญไปเยือนอย่างเป็นทางการและต้อนรับอย่างสมเกียรติ์เสียยิ่งกว่า นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกันก็เป็นการสะท้อนธาตุแท้ตัวตนเกมการเมืองแบบน้ำเน่าของพรรคเพื่อแม้วที่พร้อมจะใช้วิธีการสกปรกทุกรูปแบบเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเมืองของตัวเอง
ขณะที่คนไทยทั้งประเทศมุ่งทำความดีสืบสานพระปณิธานและแสดงความรักเทิดทูนแด่พ่อของแผ่นดิน แต่คนบางกลุ่มกลับยังไม่เลิกพฤติกรรมชั่วร้ายเพื่อตัวเอง คนกลุ่มนี้เคยทำได้แม้กระทั่งหวังยึดครองประเทศด้วยการเหิมเกริมคิดร้ายหวังล้มล้างสถาบันหลักของชาติที่ปกปักรักษาสร้างแผ่นดินมาแต่โบราณกาล หรือทำชั่วได้แม้แต่การก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง หรือโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬารและย่ามใจโดยไม่คำนึงถึงความพินาศล่มจมของชาติบ้านเมืองแม้แต่นิดเดียว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี