จู่ๆนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกและผู้ต้องหาหนีหมายจับในคดีทุจริตและคดีเกี่ยวกับความมั่นคงหลายคดีรวมทั้งคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงได้มอบหมายให้ทนายความส่วนตัวไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้ทบทวนคำสั่งฟ้องตัวเองในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ขณะเดียวกันนายทักษิณได้เผยแพร่ความเห็นผ่านทวิตเตอร์สรุปสาระสำคัญเป็นการปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการที่คิดร้ายบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง พร้อมทั้งยืนยันในความจงรักภักดีของตัวเอง
การทวิตเตอร์ของ นายทักษิณ มีขึ้นหลังจากที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ออกเปิดเผยภายหลังการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงว่า มีขบวนการที่คิดวานแผนก่อเหตุร้ายในช่วงพระราชพิธิถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ซึ่งแผนร้ายของขบวนการชั่วร้ายดังกล่าวทำให้เกิดกระแสโจมตีอย่างกว้างขวางทั้งจากคนไทยทั้งประเทศและในประเทศต่างๆทั่วโลก
แผนชั่วร้ายดังกล่าวมีรายงานข่าวว่าถูกประกาศโดยขบวนการแดงล้มเจ้าที่นำโดย นายชูชีพ ชีวสุทธิ์ หรือ “สหายสนามหลวง” ที่หนีหมายจับฐานหมิ่นเบื้องสูงไปกบดานและเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศลาวมานานหลายปีโดยนายชูชีพมีการแอบอ้างชื่อของ นายทักษิณ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
สำหรับข้อความในทวิตเตอร์ของ นายทักษิณ มีใจความว่า “ ผมได้รับทราบข่าวเรื่องข้อความจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงโดยมีการกล่าวอ้างถึงชื่อผมด้วยความไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ขอยืนยันว่าไม่เคยรู้จักบุคคลดังกล่าว และไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะล่วงเกินสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผมขอประณามวิธีการดังกล่าวและยืนยันว่าจะเอาเรื่องถึงที่สุด ในการที่นำชื่อผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมขอประกาศให้ทราบไว้ ณ ที่นี้ว่าไม่ว่าใครที่ผมรู้จักหรือไม่รู้จักหรือไม่ก็ตาม หากมีการแอบอ้างหรือพาดพิงถึงตัวผม โดยมีการก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูงอีก ผมจะให้ฝ่ายกฏหมายดำเนินคดีกับทุกคน”
จากท่าทีของอดีตนายกฯนักโทษหนีคุกทำให้ผู้คนจำนวนมากตั้งคำถามด้วยความสงสัยว่า
จริงหรือไม่ที่ในยุคที่นายทักษิณดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศและเรืองอำนาจสุดขีดเคยมีพฤติกรรมที่อาจเอื้อมตีตนเสมอเจ้า อาทิ การประกอบพิธีในวัดพระแก้วหรือการแสดงตนดุจประมุขของประเทศในการให้การต้อนรับประมุขแห่งรัฐจากต่างประเทศอย่างมิบังควร
จริงหรือไม่ที่ นายทักษิณ ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีแนวคิดทะเยอทะยานส่อไปในทำนองอยากเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศเป็นระบอบประธานาธิบดี หรือระบอบที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงสัญญลักษณ์ดังเช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ ซึ่งเป็นแนวคิดที่สะท้อนจากอดีตแกนนำระบอบทักษิณทั้งกลุ่มคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และแนวร่วมที่มีแนวคิดล้มเจ้าซี่งปัจจุบันหนีหมายจับในข้อหาหมิ่นเบื้องสูงไปเคลื่อนไหวอยู่ในหลายประเทศ โดยคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้ที่ นายทักษิณ รู้จักคุ้นเคยและบางคนใกล้ชิด นายทักษิณ อาทิ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและอดีตรมว.มหาดไทย นายสุนัย จุลพงศธร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง นายมนูญหรือเอนก ชัยชนะ แกนนำคนเสื้อแดงในสหรัฐอเมริกา
ขณะที่แกนนำเสื้อแดงหลายต่อหลายคน อาทิ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ล้วนเคยประกาศบนเวทีคนเสื้อแดงมีเนื้อหาส่อเจตนาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงและแนวคิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศเป็นรัฐไทยใหม่ หรือการแยกภาคเหนือและภาคอีสานเป็นรัฐอิสระ
และทำไมกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณถึงบังอาจเหิมเกริมบุกโรงพยาบาลจุฬาฯและสภากาชาดไทยทั้งๆที่สมเด็จพระญาณสังวร อดีตสมเด็ตพระสังฆราชทรงประทับรักษาพระอาการประชวรอยู่ จนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศต้องรับสั่งให้เคลื่อนย้ายอดีตสมเด็จพระสังฆราชมาประทับรักษาพระอาการประชวรเป็นการชั่วคราวที่โรงพยาบาลศิริราชอย่างทุลักทุเล โดยที่แกนนำคนเสื้อแดงบางคนยังบังอาจประกาศปลุกระดมขู่จะนำมวลชนเสื้อแดงไปยังโรงพยาบาลศิริราช
และจริงหรือไม่กับข้อมูลลับจากการเปิดเผยของวิกิลีกเกี่ยวกับบทสนทนาลับระหว่าง นายลาฟ บอยซ์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กับ นายทักษิณ เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งนายกฯ โดย นายทักษิณ ได้กล่าวบางตอนอันเป็นการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง พร้อมทั้งโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ตลอดจนแสดงแนวคิดที่สะท้อนถึงความทะเยอทะยานส่อไปในทางต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศ
และจริงหรือไม่ที่ นายทักษิณ เคยกล่าวในรายการ”นายกฯคุยกับประชาชน”เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2549 ความว่า “ คนที่จะให้ผมออกจากตำแหน่งนายกฯได้ไม่ต้องหลายคนเลย คนเดียวให้ออกได้เลย นั่นคือพระเจ้าอยู่หัว ถ้าพระเจ้าอยู่หัวกระซิบผม รับสั่งคำเดียวทักษิณลาออกเหอะ รับรองกราบพระบาทออกแน่นอน”
และจริงหรือๆไม่ที่ นายทักษิณ เคยวีดีโอลิงค์กล่าวกับม็อบมวลชนคนเสื้อแดงเมื่อหลายปีที่แล้วด้วยข้อความว่า “ อำมาตย์อายุ 80 กว่าแล้ว อีกไม่กี่ปีก็ตายแล้ว “ หรือคำพูดที่ว่า “ อำมาตย์ร่ำรวยแล้ว มีมรดกให้ลูกหลานอย่างเพียงพอแล้ว ปล่อยประชาชนไปเถอะ”
จริงหรือไม่ที่ในช่วงที่ผ่านมา นายทักษิณ เคยให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติหลายสำนักหลายครั้งส่อไปในทางจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง จนก่อนหน้านี้กองทัพบกทนไม่ไหวถึงกับฟ้องดำเนินคดี นายทักษิณ ตามมาตรา 112 ของประมวลกฏหมายอาญาฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
และสำนักงานอัยการสูงสุดเตรียมส่งฟ้อง นายทักษิณ ในไม่ช้านี้
ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างคำถามข้อสงสัยของสาธารณชนที่ยังมีอยู่อีกมาก ซึ่งต้องการคำตอบที่ชัดเจนจาก นายทักษิณ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี