นับตั้งแต่การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเมื่อวันที่ 13 ต.ค.2559 มาจนกระทั่งพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพวันที่ 26 ต.ค.2560 ได้เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่โลกต้องจารึก ทั้งปรากฏการณ์ที่สะท้อนน้ำใจคนไทยทั่วประเทศและทั่วโลกที่รักศรัทธาเทิดทูนในพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างสุดหัวใจ ตลอดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพที่ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และที่สำคัญได้ก่อให้เกิดคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อชาติบ้านเมืองในภายภาคหน้านั่นคือการหล่อหลอมดวงใจของคนไทยในชาติให้เป็นหนึ่งเดียวในการมุ่งทำความดีสืบสานปณิธานเดินตามรอยเท้าพ่อแห่งแผ่นดิน
สื่อต่างชาติต้องทึ่งและตะลึงกับปรากฏการณ์สุดมหัศจรรย์อันสะท้อนให้เห็นถึงความรักผูกพันอย่างลึกซึ้งระหว่างพระมหากษัตริย์อันทรงเป็นที่รักกับปวงพสกนิกรไทยผู้จงรักภักดีมาแต่ครั้งโบราณกาลจากการปกครองในลักษณะพ่อรักห่วงใยลูกซึ่งไม่มีที่ไหนในโลก ซึ่งความรักผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างพ่อกับลูกสะท้อนให้เห็นนับตั้งแต่ก่อนวันที่จะเสด็จสวรรคตปรากฏว่ามีประชาชนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลสู่โรงพยายาลศิริราชเพื่อสวดถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวร จนเมื่อมีการแถลงข่าวการเสด็จสวรรคตอย่างเป็นทางการปรากฏว่าคลื่นมหาชนผู้จงรักภักดีซึ่งแน่นทั่วบริเวณโรงพยาบาลศิริราชและโดยรอบพากันเปล่งเสียงร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกที่สุดในชีวิตอย่างพร้อมเพรียงกัน ซึ่งนับตั้งแต่วันเสด็ตสู่สวรรคาลัยจนถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ คนไทยทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนา ทุกอาชีพ ต่างไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากทั้งปวงทั้งแดดกล้าที่แผดเผา พายุฟ้าคะนองและฝนที่ตกหนัก หรือต้องระกำลำบากนอนค้างแรมริมถนนถึง 3 วันเพื่อจองพื้นที่รอถวายบังคมลาในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเป็นครั้งสุดท้าย
นอกจากนี้คนไทยทุกเพศทุกวัย ทุกศาสนา ทุกสาขาอาชีพไม่ว่าเศรษฐีหรือยาจกต่างพร้อมใจกันเป็นหนึ่งเดียวทำดีเพื่อพ่อแห่งแผ่นดิน จึงเห็นภาพบรรดาจิตอาสาทั่วประเทศ และคนไทยในประเทศต่างๆทั่วโลกรวมกว่า 4 ล้านคนต่างอาสาทำงานเพื่อสังคมอันเป็นการถวายเป็นพระราชกุศล และที่สำคัญกว่าคือเป็นการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวสืบสานพระปฏิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศตลอดไป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศไม่เพียงเป็นที่รักศรัทธาเทิดทูนของปวงชนชาวไทย แต่ยังเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศทั่วโลกรวมทั้งองค์การสหประชาชาติที่ยกย่องพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์นักคิดนักพัฒนาผู้ยิ่งใหญ่โดยเฉพาะแนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจแบบพอเพียงถือเป็นแบบอย่างที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดเป็นนโยบายให้หลายประเทศนำไปพัฒนาแก้ปัญหาประเทศของตัวเองอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ยังทรงเป็นราชาแห่งราชันย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกถึง 70 ปีซึ่งตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์อันยาวนานทรงตรากตรำประกอบพระราชกรณียกิจนานับประการจนเกิดโครงการในพระราชดำริถึงกว่า 4,000 โครงการซึ่งล้วนก่อให้เกิดการพัฒนา แก้ปัญหาและสร้างความผาสุขแก่พสกนิกร โดยทรงเดินทางไปทั่วทุกแห่งหนของประเทศไม่ว่าจะเป็นถิ่นทุรกันดารเพียงใดเพื่อรับรู้ความทุกข์และแก้ปัญหาให้กับพสกนิกรของพระองค์ไม่ต่างจากเทวดาเดินดิน ซึ่งหลายโครงการเป็นที่ยอมรับของโลก อาทิ โครงการฝนหลวงซี่งทรงใช้พระอัจฉริยภาพทางด้านวิทยาศาสตร์คิดค้นริเริ่มสร้างฝนเทียมเพื่อแก้ปัญหาความแห้งแล้งได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในโลก
ความตรากตรำมุ่งมั่งเพื่อความผาสุขพสกนิกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศปรากฏอย่างชัดเจนตลอดพระชนม์ชีพ แม้แต่ขณะทรงพระประชวรก็ยังทรงไม่หยุดพระราชกรณียกิจในการคิดหาแนวทางแก้ปัญหาของพสกนิกรและประเทศชาติ ซึ่งนี่คือคำตอบว่าทำไมไทยจึงเป็นหนึ่งเดียวในโลกที่ประชาชนผูกพันรักศรัทธาและเทิดทูนในพระมหากษัตริย์อย่างลึกซึ้ง
การที่มีประมุขหรือพระบรมวงศานุวงศ์จากประเทศต่างทั่วโลก 28 ประเทศ และบุคคลสำคัญซึ่งเป็นตัวแทนประเทศต่างๆอีก 18 ประเทศ คณะทูตานุทูต 221 คนจาก 94 ประเทศ รวมถึงหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยพร้อมด้วยกงสุล 47 ประเทศเข้าร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงพระบารมีของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นที่ยอมรับของชาวโลก
อีกทั้งพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
ยังสะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมชั้นสูงของความเป็นชาติไทยตลอดจนภูมิปัญญาในการก่อสร้างพระเมรุมาศที่ยิ่งใหญ่วิจิตรงดงามอลังกาดุจสรวงสวรรค์ในจินตนาการ ซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณกาลให้โลกได้ประจักษ์และตราตรึงใจชั่วกาลนานถึงเอกลักษณ์ความเป็นชาติไทยซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกที่ดำรงความเป็นประเทศเอกราชไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใครมาเกือบ 1,000 ปี โดยที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจที่มีความรักผูกพันกับประชาชนดุจดั่งพ่อกับลูก และมีขนบธรรมประเพณี วัฒนธรรมและภูมิปัญญาด้านสถาปัตยกรรม วิศวกรรมและศิลปกรรมอันน่าทึ่ง วิจิตรงดงามประณีต และน่าอัศจรรย์
แม้พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ด้วยพระบารมีและคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเหมือนพระองค์องค์ยังไม่ได้จากไปไหน แต่ยังสถิตย์อยู่ในดวงใจของปวงชนชาวไทยและชาติบ้านเมืองที่ขณะนี้หล่อหลอม
รวมใจเป็นหนึ่งเดียวมุ่งทำความดีสืบสานปณิธานเดินตามรอยเท้าพ่อตลอดไป และทำให้เชื่อว่าจากนี้ไปบ้านเมืองจะมีแต่ความเข้มแข็ง สงบผาสุขร่มเย็นและเเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน ขณะที่บรรดากลุ่มคนที่คิดร้ายต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพเทิดทูนของคนทั้งประเทศซึ่งเป็นคนเพียงหยิบมือเดียวในที่สุดก็จะแพ้ภัยตัวเองเสื่อมสลายไปในที่สุดตามกฏแห่งกรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี