ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเทศกาลฮาโลวีนในอเมริกา เด็กๆ แต่งชุดแฟนซีออกมาเดินขอขนมตามบ้าน บ้างแต่งตัวเป็นยอดมนุษย์ บ้างแต่งเป็นผีในการ์ตูน เด็กผู้หญิงก็มักใส่ชุดนางฟ้าหรือเจ้าหญิงน่ารักๆ แต่ปีนี้แปลกกว่าปีอื่น เพราะเด็กบางคนใส่สูทผูกเนคไทสีแดง แล้วสวมหน้ากากยางรูปใบหน้าประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาเดินไปตามถนนหนทางด้วย สงสัยว่าพ่อแม่สนับสนุนพรรคเดโมแครตแน่ๆ ถึงให้ลูกแต่งแบบนี้ออกมาเดิน
แต่จะว่าไปแล้วตาทรัมป์ก็น่ากลัวเอาการ เพราะเท่าที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าฤทธิ์เดชไม่ธรรมดา ลงว่าพ่อคุณอยากทำอะไรแล้ว พ่อจะเอาให้ได้โดยไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมหรือแม้แต่ประชาชนทั้งหลาย พี่ก็ยักไหล่ไม่แยแส ยิ่งนานวัน ทรัมป์ยิ่งนำประเทศไปสู่ความหวาดหวั่น โดยเฉพาะความหวาดกลัวคนต่างชาติที่เป็นมุสลิม ทรัมป์ทำตัวเหมือนพ่อค้าขายความกลัวเพื่อสนับสนุนกลุ่มคลั่งขาวให้มีที่ยืนมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถขายอาวุธปืนได้มากขึ้นทั้งในประเทศและนอกประเทศ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทค้าอาวุธกับพรรครีพับลิกันนี่คงไม่ต้องบอกเล่าอะไรมาก เพราะเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าแนบแน่นซี้ปึ้กขนาดไหน
ตั้งแต่ทรัมป์ขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี กลุ่มคลั่งขาวทั้งกลุ่มไวท์สุพรีมาซิสต์ (White Supremacist) และนีโอนาซีโผล่ออกมาแสดงตัวอย่างชัดเจนในที่สาธารณะและพื้นที่ข่าว กลุ่ม White Supremacy นี่เหมือนแตกสาขามาจากกลุ่มคูคลักแคลนซ์ เป็นกลุ่มที่เชื่อว่าเผ่าพันธุ์คนผิวขาวมีฐานะสูงส่งและเป็นเลิศกว่ากลุ่มเผ่าพันธุ์อื่นและมุ่งต่อต้านคนผิวสี พวกนี้ยกตัวเองว่าเป็นอัศวินขาว และหวงแหนเห่อเหิมไปกับความขาวของสีผิวตนอย่างเวอร์ๆ เพราะคิดว่าตัวเองดีกว่าคนสีผิวอื่น ทั้งที่ส่วนมากก็เป็นคนชั้นกลางลงไปถึงชนชั้นล่าง
ส่วนกลุ่มนีโอนาซีเป็นกลุ่มคนผิวขาว มีความเชื่อที่ว่าคนผิวขาวเป็นใหญ่เหนือเผ่าพันธุ์อื่นๆ สืบมาตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของนาซี บ้าคลั่งภักดีต่อผีฮิตเลอร์ แล้วเหยียดเชื้อชาติต่างๆ เหยียดสีผิว เหยียดเกย์ เหยียดยิว สลาฟ รวมมาถึงคนเอเซีย ที่สำคัญคือนีโอนาซีมักจะโกนหัว แล้วสักเครื่องหมายสวัสดิกะตามตัว
ทั้งสองกลุ่มนี้เพิ่งรวมตัวกันประท้วงที่รัฐเวอร์จิเนียมาหมาดๆ จนเกิดการปะทะกับกลุ่มที่มาต่อต้านกลุ่มคลั่งขาวจนบาดเจ็บระนาว พอปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็มากันอีกแล้วตั้ง 300 คน หนนี้มารวมตัวประท้วงต้านการรับกลุ่มผู้อพยพที่เมืองเชลบีวิล (Shelbyville) และเมืองเมอร์ฟรีสโบโร (Murfreesboro) ทั้งสองเมืองตั้งอยู่ใกล้กับเมืองแนชวิล รัฐเทนเนสซี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการตั้งหลักแหล่งของผู้อพยพจากโซมาเลีย อิรัก และประเทศอื่นที่เข้ามาผ่านทางรัฐบาลกลาง ช่วงแรกที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีก็ออกคำสั่งห้ามการเดินทางเข้าบ้านลุงแซมจากประชาชนใน 6 ประเทศมุสลิม และล่าสุดมีประเทศที่ 7 เพิ่มเติมมาคือ ประเทศ "ชาด" กลายเป็นประเทศล่าสุดที่อยู่ภายใต้การแบนของกระทรวงต่างประเทศ
ระหว่างการประท้วง สมาชิกคลั่งขาวมีการแสดงท่า "ไฮ..ฮิตเลอร์" หรือท่าแสดงความเคารพฮิตเลอร์ออกมาอย่างชัดเจนจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วอเมริกา เพราะท่านี้ถือเป็นท่าต้องห้ามที่ทางเยอรมันห้ามไม่ให้แสดงออกในที่สาธารณะ
พออีก 2 วันต่อมาก็เกิดเหตุสยอง อยู่ๆ มีชายคนหนึ่งขับรถกระบะพุ่งชนผู้คนบนเลนจักรยานในย่านโลเวอร์แมนฮัตตันในนิวยอร์ก ทำให้มีคนเสียชีวิต 8 รายและบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ในวันที่ 31 ตุลาคมอันเป็นวันฮาโลวีน
หลังจากไล่ชนคนจนเสียชีวิตและบาดเจ็บแล้ว รถกระบะคันนี้ก็พุ่งชนรถโรงเรียน เซฟูลโล ไซปอฟชายวัย 29 ปีพยายามหลบหนีพลางตะโกนคำว่า “อัลลอฮุอักบาร์” ซึ่งเป็นภาษาอาหรับแปลว่า “พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ที่สุด” ตอนลงจากรถ แต่ถูกตำรวจยิงท้องและควบคุมตัวเอาไว้ได้ นายกเทศมนตรีนิวยอร์กประณามเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “การก่อการร้าย”
โทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็นและหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ผู้ต้องสงสัยทิ้งโน้ตไว้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีข้อความระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำในนามไอเอส ตำรวจยืนยันจะจัดการกับคดีนี้ในฐานะ "การก่อการร้าย" ซึ่งจะถือเป็นเหตุโจมตีนิวยอร์กที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ถัดจากเมื่อครั้งที่คนร้ายจี้เครื่องบินโดยสารพุ่งชนอาคารแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในย่านโลเวอร์แมนฮัตตัน เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ปี 2001
คนร้ายที่ขับรถกระบะก่อเหตุสยองรับฮาโลวีนเป็นชาวอุซเบกิสถานที่อาศัยอยู่ในอเมริกามานานหลายปี โดนัลด์ ทรัมป์ออกมาทวิตประณามรัวๆ ว่าชายคนนี้เป็น "โรคจิต" พร้อมยืนยันหนักแน่นว่ารัฐบาลของตนไม่ปล่อยให้พวกนักรบรัฐอิสลามหรือไอเอสเข้ามาในอเมริกาได้อย่างแน่นอน
ข่าวนำเสนออย่างละเอียดยิบลงไปถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น คนร้ายไม่สะทกสะท้านใดๆ แถมยังบอกว่ารู้สึกดีที่ทำลงไป จงใจเลือกวันฮัลโลวีนเพื่อก่อความสูญเสียมากที่สุด และให้แขวนธงไอเอสในห้องพักโรงพยาบาลที่ตนนอนรักษาตัวอยู่ด้วย
ทรัมป์ยังคอยตอดนิดตอดหน่อยตอกไข่ใส่ข่าวแทบจะทุกวันราวกับกำลังทำรายการเรียลลิตี้โชว์ เช่นเรียกร้องให้สภาคองเกรสแก้กฎหมายคนเข้าเมืองโดยเฉพาะมุสลิมให้มีความเข้มงวด ยกเลิกโครงการวีซ่าซึ่งเปิดทางให้ชาวอุซเบกเข้ามาอาศัยในอเมริกา จากนั้นก็ใส่พริกใส่ผักเพิ่มเติมด้วยว่า จะส่งหมอนั่นไปขังที่คุกกวนตานาโม่ซึ่งเป็นที่รับรู้ว่าโหดเหมือนนรกบนดิน จากนั้นก็ไม่พลาดโอกาสย้ำจุดยืนที่เคยนำมาหาเสียงตอนลงสมัครรับเลือกตั้งว่ากฎหมายคนเข้าเมืองที่เข้มงวดคือปราการด่านแรกที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุโจมตีแบบนี้
ยังไม่พอใจท่านผู้นำ ออกมาเหยาะน้ำปลาพริกป่นใส่คดีนี้ต่อ โดยประณามไซปอฟว่าเป็น "สัตว์" แถมยังเรียกร้องให้ "ประหาร" ซึ่งเรื่องนี้เฮียทรัมป์ก็ทำเกินไป เพราะการที่ออกมาจี้ให้ลงโทษประหารชีวิตทั้งๆ ที่คนร้ายยังไม่มีโอกาสรับสารภาพหรือปฏิเสธข้อกล่าวหา ดูเหมือนจงใจ "สร้างอคติ" ให้แก่คณะลูกขุนที่จะตั้งขึ้นในอนาคต
ลองดูเหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์แล้วมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างกันไหม ที่น่าแปลกใจคือสื่อทุกสื่อให้น้ำหนักกับข่าวนี้อย่างชนิดที่เรียกว่า "ยิงรัว" รายงานละเอียดยิบเพื่อค่อยๆ ปูความรู้สึกให้เกิดความหวาดกลัวในหัวใจผู้รับข่าวสาร
แล้วจะทำอย่างไรเมื่อเกิดความหวาดหวั่นขึ้น ทางออกคือไปซื้อปืนมาป้องกันตัว การกระตุ้นให้เกิดความกลัวเป็นการกระตุ้นยอดขายอาวุธที่ดีที่สุด จากนั้นเฮียทรัมป์ก็จะเดินยิ้มร่าโชว์ฟันครบทุกซี่ออกมาหน้าเวทีท่ามกลางแสงไฟสีแดง ขาว น้ำเงิน พร้อมเพลงชาติกระหึ่มประกอบลีลาว่า โดนัลด์ ทรัมป์นี่แหละคือพระเอกขี่ม้าขาวให้ชาวอเมริกันอุ่นใจ จากนั้นก็ขยิบตาให้กลุ่มคลั่งขาวออกมาแสดงบทบาทในสังคมมากขึ้นๆ
คืนฮาโลวีนปีนี้เต็มไปด้วยภูติผีปีศาจและฝันร้ายอันน่าสยดสยองที่สุด คละคลุ้งกลิ่นคาวเลือดและความตาย แต่ใครกันล่ะที่ชักใยอยู่เบื้องหลังความน่าสะพรึงเหล่านั้น...?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี