สงคราม..ไม่ว่าจะเพื่อสันติภาพ เพื่อความเป็นธรรม เพื่อปลดปล่อยมนุษยชาติ (จากการถูกกดขี่จากฝ่ายอื่น) หรือเพื่ออื่นใด มันก็คือการทำลายล้าง มันจึงเป็นความชั่วร้าย
แม้จะเห็นและตระหนักถึงภัยแห่งสงคราม แต่มนุษย์ก็ยังคงเสพติดการทำสงครามเสมอมา โดยเฉพาะผู้ครองอำนาจในแต่ละประเทศ หรือที่เรียกกันว่า “รัฐบาล”
รัฐบาลไม่ว่ายุคสมัยใด ประเทศใด มักนิยมทำสงคราม ด้วยเหตุผลที่ไม่แตกต่างกันมากนัก คือ (1) เพื่อปกป้องการรุกรานจาก (รัฐบาล) ของประเทศอื่น จึงต้องชิงทำสงครามก่อน เพื่อตัดกำลังหรือทำลายฝ่ายตรงข้ามให้อ่อนแอ
(2) เพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาแย่งชิงอำนาจกันเองภายในประเทศ สาเหตุของสงครามทั้ง 2 นี้ส่วนมากมีในยุคระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช
(3) เพื่อครอบครองดินแดนหรือแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติของประเทศอื่นมาเป็นของตน ในปัจจุบันประเทศมหาอำนาจใช้กันมากและจะมากขึ้นทุกวัน มันเป็นลัทธิล่าอาณานิคมแบบใหม่ วิธีใหม่
(4) เพื่อแก้ปัญหาความแตกแยกและปัญหาเศรษฐกิจในสังคมประเทศ รวมทั้งแก้ปัญหาของรัฐบาลเองที่เสื่อมความนิยมจากพลเมือง รัฐบาลไม่อยากสูญเสียอำนาจก็ต้องทำสงคราม เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาปากท้องของพลเมืองให้หันมาสนใจปัญหาระดับประเทศแทน เป็นการปลุกกระแสชาตินิยมอย่างเข้มข้นรุนแรง
2 เหตุหลังนี้ใช้กันมากในปัจจุบัน
นอกจากนี้ก็ยังมีสงครามกลางเมือง สงครามจลาจล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสงครามแบบไหน ขนาดใด ระดับใดก็ล้วนต้องใช้อาวุธทั้งนั้น
ดังนั้นทุกประเทศจึงต้องสูญเสียงบประมาณไปเพื่อการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กันอย่างมหาศาล
โดยยังไม่รวมค่าดูรักษา ค่าซ่อมบำรุง และเงินเดือน – ค่าจ้างกำลังพล ฯลฯในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี
และยังไม่รวมถึงผลกระทบจากสงครามทั้งโดยตรงและโดยอ้อม คือการสูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน สภาพจิตใจของคนทำสงคราม ญาติมิตร การดูแล รักษาพยาบาล ฯลฯ และความหายนะในภาพรวมของสังคมประเทศ ซึ่งทั้งหมดก็ต้องใช้เงิน
ในประเทศไทย...พลเมืองไม่มีโอกาสได้ทราบว่า “งบประมาณ” ที่ใช้ใน “กิจการเพื่อสงคราม” หรือ “เพื่อความมั่นคงของประเทศ” ปีละเท่าไหร่?
เพราะแค่ “งบราชการลับ” พลเมืองก็มาถึงทางตันแห่งการรับรู้แล้ว
แต่จำนวน “เงิน” (งบประมาณ) ที่รัฐบาลไทยเพิ่งอนุมัติให้กองทัพเรือซื้อเรือดำน้ำไปเมื่อสองเดือนก่อน ก็ 3 ลำ ลำละ 1.2 หมื่นล้านบาท รวม 3 ลำ 3.6 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมค่าดูแลรักษาต่อไปอีกนาน เงินจำนวนนี้มากจนชวนใจหายและนำมาซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกจะสุดขั้ว
พลเมืองฝ่ายหนึ่งต้องการให้ซื้อ...ด้วยเหตุผลว่าไว้ป้องกันประเทศ และถ่วงดุลกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีกันแล้ว และบางประเทศก็มีมากกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำ
แบบว่า “มึงมีกูก็ต้องมี และจะต้องมีให้มากกว่า มีประสิทธิภาพกว่า ทำลายล้างได้มากกว่า”
พลเมืองฝ่ายที่ไม่ต้องการให้ซื้อ...ก็บอกว่าประเทศไทยเล็กแค่นี้ไม่มีทางจะไปสู้กับประเทศมหาอำนาจได้ จึงสมควรใช้ “วิธีดุลอำนาจ” กับประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย คืออิงอยู่กับประเทศมหาอำนาจที่ขัดแย้งกันโดยไม่เลือกข้างเบ็ดเสร็จ ส่วนกับกระเทศเพื่อนบ้านก็ควรใช้ “การเจรจา”
แต่พลเมืองฝ่ายต้องการให้ซื้อก็บอกว่าการเจรจาก็ต้องมีกำลังอาวุธที่เท่ากันหรือมากกว่า ไม่เช่นนั้นการเจรจา - ต่อรองใดๆก็ไร้ผล เพราะไม่มีอาวุธเป็น “แบ็คหรือฐานอำนาจ” ให้การเจรจาต่อรองเกิดผล
เหตุผลเช่นนี้ใช้ในโลกยุคเก่าได้ แต่ในโลกยุคปัจจุบันไม่ใช่มีแค่อาวุธยุทโธปกรณ์ก็สามารถชี้เป็นชี้ตายใครได้ มันยังมีปัจจัยและเงื่อนไขอีกมากมายที่มีพลังมากกว่า หรืออย่างน้อยก็ช่วยให้มีอำนาจต่อรองได้ไม่แพ้อาวุธ
ถ้าทุกประเทศคิดเหมือนกันว่าต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์ให้มากกว่าประเทศอื่น เพื่อใช้เป็นแบ็คหรือฐานอำนาจในการเจรจา มันจะส่งผลตามมา 2 ประการ คือ (1) เกิดการแข่งขันกันสะสมอาวุธ (2) เมื่อต่างก็แข่งขันกันสะสมอาวุธก็ไม่มีใครกลัวใคร เหตุผลที่บอกว่าต้องมีอาวุธไว้เป็นแบ็คหรือฐานอำนาจในการเจรจาต่อรองก็ไร้ผล
สิ่งที่สูญเสียไปก็คือ ภาษีของพลเมืองที่ควรจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น
ผมไม่เห็นด้วยกับการซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้ เพราะแม้จะไม่ซื้อก็ใช่ว่ากองทัพจะไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์อยู่เลย ประการสำคัญก็คือ ประเทศเพื่อนบ้านหรือในอาเซียนเพิ่งจะเปิดบ้านไปมาหาสู่กันฉันญาติมิตร ส่วนสภาพเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของแต่ละประเทศก็ยังไม่มีเงื่อนไขใดให้ต้องพิพาทกับประเทศอื่น แม้มิตรบางประเทศจะยังคงมีปัญหาเรื่องดินแดนกันอยู่ก็ใช่ว่าจะต้องทำสงครามกัน
เพราะทำสงครามจนประเทศพังไปด้วยกันก็ใช่ว่าจะแก้ปัญหาดินแดนหรืออะไรได้
เมื่อแก้ไม่ได้ ทั้งสองประเทศจะทำอย่างไร?
ก็ต้องรีดนาทาเร้นภาษีจากพลเมืองไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และสร้างกำลังพล เพื่อทำสงครามกันต่อไปอีก
ต่อไปและต่อไปไม่จบ จนกว่าจะพินาศไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย
หรือไม่ก็...พลเมืองในแต่ละประเทศนั้นก็ลุกฮือขึ้นมาจัดการรัฐบาลของตนแล้วถีบลงถังขยะไป โทษฐานที่มันโง่ คิดได้แค่จะใช้สงครามแก้ปัญหา
รัฐบาลที่มาจากหีบเลือกตั้งมักจะเกรงใจทหาร ขอซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ก็จะยินยอม รัฐบาลที่มาจากคลังแสง ซึ่งก็คือทหารก็ยิ่งตัดสินใจง่ายขึ้นอีก แต่ไม่ว่าจะมาจากหีบเลือกตั้งหรือคลังแสงก็ล้วนแต่ยกเอาประชาชนและประเทศชาติมาบังหน้าเสมอ
แต่กลับไม่สนใจเสียงของประชาชนและเหตุผลที่แท้จริงของประเทศชาตินัก
บ่นมายาวเพราะเสียดายเงินที่ซื้อเรือดำน้ำ และค่าดูแลรักษาอีกมหาศาล.
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี