ตูน บอดี้สแลม อาทิวราห์ คงมาลัย นักดนตรีหนุ่มวัย 37 คนจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้มีความมุ่งมั่น พยายามที่จะทำความดีเพื่อผู้อื่น ด้วยการวิ่งจากใต้สุด สู่เหนือสุดของประเทศ ตั้งความหวังจากจุดเล็ก ๆ “ ก้าวคนละก้าว” รณรงค์ให้คนร่วมกันบริจาค คนละ 10 บาท ช่วยเหลือโรงพยาบาลที่ขาดแคลน 11 แห่ง หวังจะให้ได้ 700 ล้านบาท
เริ่มวิ่งตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน จากจุดใต้สุดของประเทศที่ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา มุ่งสู่ปลายทางเหนือสุดที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ระยะทางรวม 2,191 กิโลเมตร คาดจะใช้เวลาทั้งหมด 55 วัน
แต่วิ่งมาได้เพียง 10 กว่าวัน ถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ปลุกให้คนตื่นทั่วประเทศ เงินบริจาคทะลุ 200 ล้านแล้ว อย่างรวดเร็ว
ระหว่างทาง มีเรื่องดี ๆให้ผู้คนได้ประทับใจมากมาย สื่อทุกแขนงเกาะติดโดยเฉพาะสื่อโซเชียลมีเดีย มีบทบาทแพร่ภาพ ถ่ายทอดกิจกรรมตลอดเส้นทางวิ่ง ให้ผู้คนได้ติดตาม สร้างกระแสให้คนมีส่วนร่วมกิจกรรมเสียสละอย่างคึกคัก…
“ ผมไม่ได้ต้องการเงินเยอะ ๆ แต่ต้องการให้คนเข้ามาร่วมมาก ๆ อยากให้คนได้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ถ้าคนมีสุขภาพแข็งแรง ก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาล ...”
นี่คือเป้าหมายของตูน ที่ประกาศโครงการ “ก้าวคนละก้าว” อย่างชัดเจน
ผู้คนเข้าร่วมวิ่งตาม “ตูน”อย่างท่วมท้น ทั้งเด็กนักเรียน คนเฒ่า คนแก่ ผู้สูงอายุ คนพิการ ปลุกพลังผู้คน ที่สิ้นหวัง ท้อแท้ ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้ที่จะมีชีวิต เพื่อทำความดีต่อไป
หลายคนนั่งรถเข็นมารอคณะของตูนที่จะวิ่งผ่านมา เพื่อจะได้มีส่วนร่วมกับตูน ได้พบ ได้ถ่ายรูป ได้ร่วมกิจกรรมแห่งการทำความดีกับตูน แบ็งค์ใบละ 20 ใบละ 100 ร้อยเป็น “พวงมาลัยแห่งความเสียสละ”ยาวที่สุดในประเทศไทย คล้องเต็มคอของตูน ผลไม้ของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกล้วยเครือใหญ่ สารพัดของกิน ในท้องถิ่น ต่างนำมาให้ตูน และทีมงาน ให้ได้กินด้วยจิตใจที่เอื้ออาทร!..
ขบวนนักวิ่งเข้าร่วมขยายวง โดยไม่มีการนัดหมาย ต่างมากันด้วยหัวใจ คนป่วย ขาพิการสามขา ก็วิ่งไปกับตูน นักเรียนที่ยากจนในชนบท รองท้าขาดแล้วขาดอีก ก็ออกมาวิ่งร่วมไปกับตูน เป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่ง เด็กๆ ในหมู่บ้านที่ตูนวิ่งผ่านก็เข้าร่วมขบวนวิ่งไปกับตูนอย่างมีความสุข
เศรษฐีใจบุญในจังหวัดนครศรีธรรมราช เฝ้ารอบริจาคเงินให้ตูน 16 ล้านบาท พยายามจะเข้าไปหาตูน เมื่อวิ่งผ่าน แต่ผู้คนแวดล้อมแน่นไปหมดเข้าไปไม่ถึง จน ทหารต้องเอารถมารับเศรษฐีใจบุญ “จิมมี ชวาลา “ ไปที่ค่ายทหาร เพื่อมอบเช็ค 16 ล้านบาทให้ตูน
ภาพนายจิมมี ก้มจูบเส้นผมตูน มือลูบด้วยความรัก ประกายตาที่เปี่ยมความอาทร สวมกอดตูน เป็นความผูกพันที่งดงามประดุจพ่อกับลูก ...
คนพิการบางคน เฝ้ารอตูน ตามรายทาง ตูนก็โผวิ่งเข้าไปหาทันที ไม่ให้ใครต้องผิดหวัง ทั้งคนเฒ่า คนแก่ ลูกเล็กเด็กแดง พระภิกษุ แม้กระทั่ง คนป่วยที่นั่งรถเข็น-ระโยงรยางค์ไปด้วยสายน้ำเกลือ ก็คะยั้นคะยอขอพี่พยาบาลพาออกมารอรับ เพื่อมีโอกาส ได้นำเงินเล็กๆ น้อย ๆ ที่เก็บสะสมไว้ มามอบให้ตูน ขอให้ได้พบ ได้สัมผัส แม้เพียงเสี้ยววินาที ก็ชื่นใจ โดยเฉพาะคนแก่คนเฒ่าบางคน ขอให้ได้หอมแก้มตูน ก็ได้ปลื้ม อาการเหน็ด-อาการเหนื่อย ก็แทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง...
เสียงเชียร์ให้ตูน สู้ ๆๆๆ ... “ ตูน” ได้กลายเป็นฮีโร่ของพวกเขาไปแล้ว เพียงไม่กี่วัน แต่ตูนประกาศกับทุกคนว่า .. “บนเวทีนี้ ผมไม่ใช่ฮีโร่ ฮีโร่ตัวจริงอยู่ที่โรงพยาบาล คือ คุณหมอ และคุณพยาบาล ที่เหน็ดเหนื่อย ที่ต้องทำงานหนัก เขาเป็นฮีโร่ของทุกคน....ผมเป็นเพียงสะพานเชื่อมเท่านั้น...”
ทุกย่างก้าวที่ตูนก้าวไป บางครั้งเหนื่อยล้า บาดเจ็บจาก กล้ามเนื้อที่ใช้งานหนัก แต่เขาก็อดทน มุ่งมั่น เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย ....เขาวิ่งไป พักไป .. ไม่หักโหม มีหมอคอยติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด
ตูนเป็นผู้มีความอ่อนน้อม ถ่อมตน ...เป็น คนเล็ก ๆ แต่หัวใจยิ่งใหญ่ ม็อตโต้ “ก้าวคนละก้าว” ของตูน บอดี้สแลม ได้ปลุกให้คนเข้าร่วมทั้งประเทศ ถึงมีเงินน้อย แต่ก็สามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตได้ .....
ปรากฎการณ์ ตูน บอดี้สแลม บอกอะไรเราหลายอย่าง คนเล็ก ๆ เมื่อร่วมกันทำความดี สวรรค์มีตา ฟ้าทรงเห็น สิ่งของพระราชทานของในหลวงรัชกาลที่ 10 ให้แก่ตูนและคณะ ยังความปลาบปลื้มเป็นล้นพ้น !!
เมื่อตูนและคณะ วิ่งมาถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชาวบ้านตั้งแถว ใช้ธงชาติทำเป็นอุโมงค์ทอดยาวรอรับ แต่ตูนบาดเจ็บ ต้องขึ้นรถพักอย่างกะทันหัน พี่น้อง ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่รอต้อนรับกว่าชั่วโมง ก็ไม่ได้พบ คุณพ่อตูนต้องมาให้การต้อนรับแทน แต่ไม่มีใครโกรธ ต่างเข้าใจ
การวิ่งของตูน ได้สร้างผลสะเทือนอันยิ่งใหญ่แก่คนไทยทั้งประเทศ ประชาชนทุกวงการเข้าร่วม ทั้งดารา คนดังมากมาย ตอนนี้ ตูน ดังไปทั่วโลก สื่อต่างประเทศเกาะติดทำข่าว ไม่เพียงแต่สื่อไทย สื่อมวลชนของสิงคโปร์ มาสัมภาษณ์ตูน ถามทำไมตูนเป็นนักดนตรี แต่ไม่จัดคอนเสิร์ท ใช้ความสามารถที่มีในตัวเองเพื่อหาทุนช่วย
“ จัดคอนเสิร์ทต้องใช้เงินดำเนินการมาก แต่จัดแบบนี้ไม่ต้องลงทุนอะไร แต่ได้เงินมากกว่า “ เป็นคำตอบที่สั้น กระชับ จากใจ เป็นการลงทุนด้วยหัวใจ แม้จะ เหนื่อย แต่คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้กลับมา สื่อต่างประเทศต่างชื่นชมและให้การยอมรับว่า ยากที่จะหาใครทำได้อย่างตูน
นักวิ่งมาราธอนเหรียญทองโอลิมปิค2สมัย ชาวอังกฤษเชื้อสายโซมาเลีย นายโม ฟาราห์ ที่ได้รับรู้ข่าวตูน ได้โพสต์อินสตราแกรมข้ามทวีปมาสนับสนุนและให้กำลังใจตูน ... “วิ่งต่อไป @artiwara จงทิ้งสถิติของคุณไว้ข้างหลัง เพราะก้าวต่อไปของคุณคือจุดเริ่มต้นใหม่!....”
ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือโรงพยาบาลที่ขาดแคลน ทุกย่างก้าวที่ตูนวิ่งผ่านไป ไม่ได้ดูดาย เมื่อพบเด็กนักเรียนที่ยากจน ขาดแคลน เขาก็มอบทุนให้ในทันที “ขอให้ตั้งใจเรียนนะ..” เป็นคำขอของตูน สั้นๆ แต่จับใจ กับเด็ก-ผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นพลังสร้างชาติในวันข้างหน้า
รอยยิ้ม และน้ำตา เต็มตื้นกับตูน ก้าวคนละก้าว ที่ตูน และคณะวิ่งไป มีคนเข้าร่วมมากมาย จากกลุ่มเล็ก ๆ กลายเป็นขบวนใหญ่ขึ้น ๆ ...เต็มตลอดเส้นทาง
เพียง 12 วัน ที่วิ่งมา ถึงนครศรีธรรมราช กว่า 200 กิโลเมตร เงินบริจาคทะลุ 200 ล้านบาท จึงคาดกันว่า กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย น่าจะทะลุเกินกว่า 700 ล้านที่ตูนตั้งใจ
ภาพแห่งความงดงามประทับใจ ระหว่างที่ตูนวิ่งผ่านพื้นที่ของ 3 จังหวัดภาคใต้ จากที่ข่าวการวางระเบิด-สู้รบ-หลั่งเลือด เต็มไปด้วยความรุนแรง วันนี้…ที่นี่ มีแต่รอยยิ้มที่สดใส ของผู้คน ทั้งพี่น้อง พุทธ-มุสลิมกอดคอกัน ออกมาโบกไม้โบกมือ ให้กำลังใจ ตลอดสองข้างทาง ร่วมกันบริจาค แสดงความยินดี ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ภาพความสวยงามของทิวทัศน์ ทิวเขาสูงเสียดฟ้า-ป่าไม้เขียวครึ้มในสามจังหวัดภาคใต้ ได้ปรากฏให้ผู้คนได้ประทับใจ กลบภาพความรุนแรงในอดีต ...
ใครบอกว่าในสามจังหวัดภาคใต้ น่ากลัว เต็มไปด้วยเสียงระเบิด เสียงปืน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว มีแต่รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสุข เมื่อตูนและคณะวิ่งผ่านไป
ตูน เป็นใคร มาจากไหน คนเล็ก ๆ ชาวสุพรรณบุรี ศิลปิน นักดนตรี วงดนตรีเล็ก ๆ “บอดี้สแลม” ที่ไม่เป็นที่รู้จักของคนมากนัก เขาจบคณะนิติศาสตร์ จุฬา เกียรตินิยม ไม่ได้มียศศักดิ์ใหญ่โต แต่มีแต่หัวใจที่ยิ่งใหญ่ อยากจะทำความดีเพื่อผู้อื่น เขาบอกว่า เป้าหมาย โครงการ ก้าวคนละก้าว ไม่ได้ต้องการเงินมาก ๆ แต่ต้องการให้คนเข้าร่วมมาก ๆ ต้องการให้คนไทยมีสุขภาพดี ให้ผู้คนได้ออกมาวิ่ง มาออกกำลังกาย เมื่อมีสุขภาพแข็งแรง ก็ไม่ต้องป่วย ไม่ต้องเจ็บไข้ ไม่ต้องไปหาหมอ ลดภาระหมอ-พยาบาล ยังไม่รวมถึงน้ำใจ-ความเสียสละเงินทองและพลังแห่งความร่วมใจกันของคนเรือนหมื่นเรือนแสนที่ศรัทธาในความดี นี่คือการแก้ไขที่ต้นเหตุ นี่คือเป้าหมายของตูน ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ...
เมื่อปีที่แล้ว ตูนได้วิ่งหาทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลที่บางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ประสบภาวะน้ำท่วมหนัก ได้มาเกือบ 70 ล้านบาท ระยะเวลาเพียง 10 วัน ประมาณ 400 กิโลเมตร เขาได้เห็นความขาดแคลนของโรงพยาบาลรัฐที่อยู่ห่างไกล ความเสียสละของหมอ พยาบาล บุคลากรที่ทำงานหนัก ได้เห็นชาวบ้านที่ทุกข์ยากเดือดร้อน เขาไม่มีอะไรจะช่วยได้ นอกจากหัวใจที่แข็งแกร่ง สองเท้าที่วิ่ง เพื่อขอรับการสนับสนุนจากประชาชน
ไม่ต้องไปของบประมาณจากรัฐบาล แต่ด้วยน้ำใจของคนเล็ก คนน้อย ไม่ต้องตั้งเป้าใหญ่ จะต้องได้เท่านั้นเท่านี้ ขอเพียงคนละ 10 บาท เท่าที่แต่ละคนมี โครงการก้าวคนละก้าว จึงเกิดขึ้นจากหัวใจเล็ก ๆ แต่มีพลังที่ยิ่งใหญ่ แล้วมันก็เติบใหญ่ กลายมาเป็นงานใหญ่ ที่ผู้คนทั้งประเทศเข้ามาร่วม เป็นคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงของสังคม “เพลงคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลง “ เกิดขึ้นมาเพื่อต้อนรับ ...
ตูน และเพลง “หนึ่งคนให้ ..,ล้านคนเปลี่ยน ...” และเพลงของน้าแอ็ด คาราบาว น้าของตูน “ เดิมพัน 2,000 กิโล” ก็แต่งขึ้นอย่างกะทันหัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ตูน “
ปรากฎการณ์ตูน บอดี้แสลม เดินทางมาถึงวันนี้ สะท้อนให้เห็นว่า หากทุกคนทำด้วยหัวใจ ไม่หวังสิ่งตอบแทน ก็สามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นได้ ไม่ต้องใช้เงินมาก ไม่ต้องไปรอของบจากรัฐบาล แต่พึ่งตนเอง ลุกขึ้นมาทำด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปต่อว่าใคร ไม่ทำร้ายใคร ไม่ต้องไปน้อยใจใคร ทุกสิ่งก็เกิดขึ้นได้ด้วย2มือเรา เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สร้างสรรค์ได้
ปรากฏการณ์ “ผีเสื้อขยับปีก” หรือ “เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึง
ดวงดาว”ในเชิงสร้างสรรค์ มีจริง และเป็นไปได้!! ... เราทุกคนจงภูมิใจไปกับตูน บอดี้แสลม และคณะ สิ่งเหล่านี้ จะประทับตราตรึงอยู่ในหัวใจของเด็ก ๆ และคนไทยทุกๆคนที่ได้เข้าร่วม มิรู้ลืม.......
ปฏินันท์ สันติเมทนีดล
วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี