ณ สยามประเทศเมื่อ 10 กว่าปีมาแล้วมีนายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งมีภรรยาเป็นลูกสาวของอดีตนายตำรวจใหญ่ที่เคยดูแลนครบาลซึ่งนายตำรวจใหญ่คนดังกล่าวมีประวัติพัวพันคดีทุจริตอื้อฉาวในอดึต ซึ่งภรรยาของนายตำรวจหนุ่มในเวลาต่อมาก็พิสูจน์ให้เห็นถึงเชื้อชั่วทุจริตที่ไม่ทิ้งแถว
ด้วยการสมคบกับสามีซึ่งภายหลังประสบความสำเร็จในเส้นทางการเมืองได้เป็นผู้นำคุมอำนาจบริหารประเทศจนเป็นช่องทางให้เกิดมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬารครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
นายตำรวจหนุ่มผู้โด่งดังอื้อฉาวเมื่อยามมีอำนาจได้กระทำสิ่งชั่วร้ายสารพัดเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ หรือแม้แต่ทะเยอทะยานคิดหวังเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองขึ้นเป็นประมุขของประเทศเสียเอง
ปูมหลังนายตำรวจหนุ่มผู้นี้ลาออกจากราชการทั้งๆที่อายุยังน้อยเพราะถูกร้องเรียนพัวพันกรณีทุจริต หลังลาออกจากราชการตำรวจได้หันมาประกอบธุรกิจซึ่งช่วงแรกล้มเหลวไม่เป็นท่าถึงกับประสบปัญหาตีเช็คเด้งและมีปัญหาฉ้อโกงหุ้นส่วนชาวต่างชาติที่มาร่วมลงทุนจนถูกฟ้องร้อง
เป็นคดีความกลายเป็นข่าวอื้อฉาวในอดีต
ด้วยความเป็นคนเจ้าเล่ห์ นายตำรวจหนุ่มผู้อื้อฉาวกับภรรยาที่ธาตุแท้ไม่ต่างกันวิ่งเต้นเข้าหาหัวหน้าคณะรัฐประหารคนหนึ่งซึ่งชอบใส่เสื้อคับเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา จนได้สัมปทานดาวเทียมซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของธุรกิจผูกขาดที่สร้างความร่ำรวยให้กับนายตำรวจหนุ่มและภรรยาจอมเจ้าเล่ห์ที่เคยกล่าวกับคนใกล้ชิดในเวลาต่อมาว่า การเมืองคือธุรกิจที่ต้องลงทุนเพื่อแสวงหากำไร
การวิ่งเต้นหัวหน้าคณะรัฐประหารเพื่อให้ได้สัมปทานดาวเทียมกลายเป็นหลักฐานที่เผยให้เห็นธาตุแท้ของนายตำรวจหนุ่มผู้นี้ได้เป็นอย่างดีว่าพร้อมที่จะสิ่งชั่วร้ายได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและแสดงให้เห็นธาตุว่าบุคคลผู้นี้ไม่ได้ยึดมั่นศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยและต่อตานการปฏิวัติรัฐประหารอย่างที่พยายามสร้างภาพในเวลาต่อมา
หลังประสบความสำเร็จบนเส้นทางการเมืองมีการใช้อำนาจในฐานะผู้นำประเทศโกงชาติปล้นแผ่นดินทำตัวดุจทรราชย์ประพฤติชั่วร้ายอย่างย่ามใจทำให้ในที่สุดรัฐบาลธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมพ้นจากอำนาจและถูกยึดทรัพย์หลายหมื่นล้านบาทตกเป็นของแผ่นดินซึ่งเป็นเพียงเศษเสี้ยวของทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่ได้มาจากการโกงชาติปล้นแผ่นดิน ขณะที่ทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่คาดว่าคิดเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาทถูกยักย้ายถ่ายเทนำไปฟอกซุกซ่อนไว้ในหลายประเทศทั่วโลก
จากการถูกรัฐประหารและยึดทรัพย์ทำให้อดีตนายกฯผู้อื้อฉาวโกรธแค้นกล่าวโจมตีลามปามไปถึงสถาบันเบื้องสูงและคณะองคมนตรีว่าอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจตัวเอง ขณะเดียวกันก็อ้างหลักประชาธิปไตยบังหน้าเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ทางการเมือง ทั้งๆที่ครั้งหนึ่งตัวเองเคยวิ่งเต้นจนได้สัมปทานดาวเทียมจากคณะรัฐประหารจนกลายเป็นมหาเศรษฐี
พฤติกรรมฉ้อฉลของอดีตนายกฯผู้อื้อฉาวอีกอย่างหนึ่งก็คือใช้เงินติดสินบนบรรดาผู้บริหารหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆเพื่อเอื้อประโยชน์มูลค่ามหาศาลแก่ธุรกิจของตัวเอง ซึ่งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจบางคนถึงกับยอมลาออกพร้อมกับข้อมูลความลับของทางราชการเพื่อมาเป็นผู้บริหารของบริษัทของนายตำรวจหนุ่มด้วยค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว
อดีตนายกฯผู้อื้อฉาวถูกดำเนินคดีในข้อหาทุจริตและคดีเกี่ยวกับความมั่นคงมากมายหลายคดีซึ่งหนึ่งในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดิน ซี่งอดีตนายกฯกับภรรยาจอมละโมบพยายามติดสินบนแม้กระทั่งศาล แต่ศาลไม่เล่นด้วยทำให้อดีตนายกฯเห็นท่าไม่ได้บินหนีออกนอกประเทศซึ่งในเวลาต่อมาศาลได้พิพากษาให้จำคุกอดีตนายกฯนักโทษหนีคุกเป็นเวลา 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา
หลังจากที่กลายมาเป็นมหาเศรษฐีธุรกิจด้านการสื่อสารโทรคมนาคม อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกผู้อื้อฉาวซึ่งไม่รู้จักพอเต็มไปด้วยความโลภและทะเยอทะยานเริ่มเห็นลู่ทางที่จะแสวงหาอำนาจผลประโยชน์ที่มากขึ้นกว่าการทำธุรกิจนั่นคือ การเข้าสู่สนามการเมืองเพื่อยึดอำนาจการบริหารประเทศ ด้วยเหตุนี้นายตำรวจหนุ่มด้านหนึ่งสร้างภาพเมื่อเริ่มเข้าสู่สนามการเมืองว่ารวยแล้วไม่โกงพร้อมที่จะตอบแทนทำงานรับใช้สังคม แต่เบื้องหลังกลับลงทุนทุ่มเงินมหาศาลซื้อกลุ่ม ส.ส.เพื่อให้พรรคการเมืองที่ตัวเองก่อตั้งกลายเป็นพรรคที่มีขนาดใหญ่ที่สุด จากนั้นซื้อเสียงเอาชนะการเลือกตั้งให้ได้เป็นรัฐบาลไม่ต่างจากการซื้ออำนจรัฐ ซื้อประเทศ ซื้อประชาธิปไตย จากนั้นเมื่อได้เป็นรัฐบาลก็ใช้อำนาจทุจริตคอร์รัปชั่นโกงชาติปล้นแผ่นดินถอนทุนบวกกำไรมหาศาล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพรรคธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยปลอมที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์และเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติในเวลาต่อมา
พรรคธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมของอดีตนายกฯผู้อื้อฉาวไม่ต่างจากบริษัทการเมืองจำกัดที่อำนาจการตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับนายทุนเจ้าของพรรคซึ่งก็คืออดีตนายกฯผู้อื้อฉาวแต่เพียงผู้เดียว ขณะที่บรรดาส.ส.มีสภาพไม่ต่างจากทาสที่ถูกสั่งซ้ายหันขวาหันเพื่อแลกกับผลประโยชน์แทนที่จะทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฏร
เมื่อประสบความสำเร็จบนเส้นทางการเมืองได้เป็นผู้นำประเทศ อดีตนายกฯผู้อื้อฉาวร่วมกับภรรยาจอมละโมบใช้อำนาจทรราชย์โกงชาติปล้นแผ่นดินทุกรูปแบบ ถึงขนาดภรรยาจอมละโมบทำตัวเป็นผู้นำรัฐบาลตัวจริง โดยทุกโครงการที่จะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต้องผ่านความเห็นชอบจากภรรยาจอมละโมบก่อน โดยโครงการที่จะได้รับการอนุมัติต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะในอัตรา 20 % ของมูลค่าโครงการขึ้นไป
ธาตุแท้สันดานฉ้อฉลของตระกูลโคตรโกงสะท้อนให้เห็นแม้แต่การโกงเพื่อให้บุตรสาวสองคนของอดีตนายกฯผู้อื้อฉาวและภรรยาจอมโลภเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ หรือบุตรชาย
ถูกถ่ายทอดเชื้อโกงจากพ่อแม่ด้วยการโกงแม้กระทั่งการสอบด้วยการลักลอบนำคำเฉลยข้อสอบเข้าห้องสอบในมหาลัยเปิดแห่งหนึ่งจนถูกตรวจจับได้
มีการประเมินกันว่าเงินที่สองสามีภรรยาจอมละโมบทุจริตปล้นไปจากแผ่นดินตลอดเวลาที่ครองอำนาจอาจมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท และยังไม่รวมคนในครอบครัวโคตรเง่าของสองสามีภรรยาทั้งลูกและบรรดาพี่น้องในตระกูลโคตรโกงที่ต่างพากันโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมหาศาลแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา โดยเงินสกปรกที่มาจากการโกงแผ่นดินมูลค่ามหาศาลเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกเล่นแร่แปรธาตุยักย้ายถ่ายเทไปซุกซ่อนไว้ในหลายประเทศ ตระกูลโคตรโกงจึงเป็นตัวกาลีของแผ่นดินอย่างแท้จริงโดยทุจริตโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างย่ามใจไว้จำนวนมาก ซึ่งหลายเรื่องถูกกลบเกลื่อนปิดบังซ่อนเร้นในยุครัฐบาลหุ่นเชิดทรราชย์ที่บงการโดยอดีตนยกฯผู้อื้อฉาว แต่หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 และมีการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจังด้วยการผลักดันให้คดีทุจริตสำคัญที่สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศและถูกปกปิดแช่แข็งไว้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทำให้ตระกูลโคตรโกงหวาดผวาอย่างหนักและพยายามดิ้นรนต่อสู้เอาตัวรอดให้พ้นจากกรรมชั่วที่ตัวเองก่อไว้กับแผ่นดิน โดยพยายามทำทุกวิถีทางหวังฟื้นระบอบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้งผ่านการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าซึ่งประชาชนทั้งประเทศจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะชี้ชะตาอนาคตของชาติบ้านเมืองว่าจะเดินไปข้างหน้าปฏิรูปประเทศให้เป็นประธิปไตยที่แท้จริงอย่างยั่งยืนหรือจะถอยหลังกลับไปสู่วังวนของวงจรอุบาทว์อันเลวร้ายแบบเดิมๆที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี