นับวันจุดยืนและเป้าหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)กับพรรคเพื่อไทย และนับวันพรรคเพื่อไทยจะถูกรุกไล่จนอยู่ในสภาพหลังพิงฝาโดยเฉพาะคนของตระกูลชินที่ทะยอยถูกเช็คบิลด้วยคดีสำคัญต่างๆทำให้เหล่าแกนนำสาวกระบอบทักษิณเปิดศึกดับเครื่องชนในทุกแนวรบหวังบ่อนทำลายความชอบธรรมของอำนาจรัฐคสช. ขณะเดียวกันเป็นการดิ้นรนพยายามที่จะฟื้นระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้งผ่านการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า
หนึ่งในความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยก็คือการสร้างกระแสหาพวกในการสกัดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ที่ส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่าพร้อมจะเป็นนายกฯคนนอกหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าเพื่อสานต่อการปฏิรูปประเทศที่ยังไม่สำเร็จและ
วางรากฐานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีให้มั่นคงยั่งยืน โดยมีพรรคคสช.เป็นฐานสนับสนุน ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะถูกโดดเดี่ยวมีความเป็นไปได้สูง
ก่อนหน้านี้ นายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคนเคยออกมาแบไต๋ว่าเป็นไปได้ที่สองพรรคใหญ่คือพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์อาจจะจับมือกันเพื่อสกัดนายกฯคนนอกหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ล่าสุดหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาจุดประเด็นตั้ง 6 คำถามยั่งกระแสมหาชนทั้งประเทศว่าเห็นด้วยหรือไม่หากจะมีพรรคคสช.ที่จะสานต่อภารกิจปฏิรูปประเทศของคสช.หลังการเลือกตั้งครั้งหน้าทำเอาพรรคเพื่อไทยถึงกับพล่าน ประกอบกับหลังจากที่ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พรป.)ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ส่งผลให้
สามารถเดินหน้าพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ ซึ่งที่สำคัญคือมีคดีสำคัญที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก เป็นจำเลยที่ก่อนหน้านี้ศาลต้องจำหน่ายคดีชั่วคราวเนื่องจาก นายทักษิณ หลบหนีอยู่หลายคดี และล่าสุดคดีเหล่านี้กำลังจะถูกนำขึ้นมาเดินหน้าตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งแน่นอนว่าย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับ นายทักษิณ เป็นอย่างมาก
และไม่เพียงชะตากรรมของ นายทักษิณ จากคดีสำคัญอื้อฉาวต่างๆในอดีตที่เป็นชะนักปักหลังที่อาจทำให้ต้องถูกพิพากษาจำคุกและถูกยึดทรัพย์มูลค่ามหาศาลและหากจะหนีก็ต้องหนีไปตลอดชีวิตเพราะกฏหมายใหม่กำหนดให้คดีไม่มีอายุความ แต่ยังรวมถึงชะตากรรมของสมาชิกตระกูลชินคนอื่นๆ ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ที่หลบหนีโทษจำคุก 5 ปีในคดีโครงการรับจำข้าวที่มีการทุจริตมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ รวมทั้ง นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ดำเนินคดีฐานฟอกเงินในคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานครซึ่งคดีนี้ นายทักษิณ เป็นจำเลยที่ 1
ด้วยเหตุนี้พรรคเพื่อไทยจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐฟื้นระบอบทักษิณ
เพื่อหยุดยั้งคดีต่างๆเหล่านี้ ซึ่งก่อนอื่นต้องสกัดกั้นไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีโอกาสเป็นนายกฯคนนอก ด้วยการจุดกระแสพรรคการเมืองต่างๆให้จับมือกันสกัดกั้นนายกฯคนนอกและอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตย ด้วยเหตุนี้ล่าสุด นายอำนวย ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยการจุดกระแสเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรครวมหัวกันต้านคสช.และนายกฯคนนอก โดยอ้างว่าวันนี้ประชาชนยังเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยในการเลือกตัวแทนเข้าสภาแก้ปัญหาปากท้อง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการบริหารงานของรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้เพราะขาดความยึดโยงกับประชาชน ดังนั้นวันนี้พรรคการเมืองทุกพรรคต้องหันหน้าเข้าหากันสร้างความปรองดองในหมู่นักการเมืองให้ได้ เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็แข่งกันตามกติกา ใครได้เสียงส่วนใหญ่ก็จัดตั้งรัฐบาล ถึงเวลาแล้วที่นักการเมืองต้องทำให้การเมืองเข้มแข็งไม่ให้ใครเข้ามาแทรกแซงการเมืองเหมือนที่ผ่านมาอีก ถ้าเราไม่ปรองดองกัน ปัญหาเดิมๆที่การเมืองถูกอำนาจอื่นแทรกแซงจะกลับมาอีก
ทั้งที่ความจริงคสช.จำเป็นต้องเข้ามาควบคุมอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ก็เพราะพฤติกรรมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่นอกจากมีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศอย่างร้ายแรงจากโครงการรับจำนำข้าวแล้ว รัฐบาลยิ่งลักษณ์ภายใต้การบงการรของ นายทักษิณ ผู้เป็นพี่ชายยังอาศัยเสียงข้างมากของพรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมประพฤติชั่วร้ายตามใจชอบโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมโดยเฉพาะพยายามใช้พวกมากลากไปหักดิบผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยที่อ้างการสร้างความปรองดังบังหน้า แต่มีเป้าหมายแอบแฝงที่แท้จริงมุ่งที่จะฟอกโทษความผิดให้ นายทักษิณ ผู้เป็นนายใหญ่เพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆโดยไม่ต้องติดคุกคดีทุจริตตามคำพิพากษาศาลจนเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนหลายล้านคนออกมาแสดงพลังครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เพื่อขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ในภาวะรัฐล้มเหลวไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ แต่ก็ยังพยายามดันทุรังรักษาอำนาจขณะเดียวกันก็ปราบปรามประชาชนจนประเทศใกล้เกิดสงครามกลางเมือง
อีกประการหนึ่งการเมืองจะเข้มแข็งหรือไม่ไม่ได้อยู่ที่การจับมือรวมหัวของบรรดานักเลือกตั้งพรรคต่างๆ แต่ความเข้มแข็งทางการเมืองที่แท้จริงและยั่งยืนอยู่ที่เหล่านักเลือกตั้งต้องปฏิรูปละลายพฤติกรรมเลวร้ายของตัวเอง ทั้งเรื่องธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่โกงบ้านกินเมือง ซื้อส.ส. ซื้อเสียง ซื้อประชาธิปไตย ซื้ออำนาจรัฐ ซื้อประเทศ และเมื่อได้อำนาจแล้วใช้อำนาจอย่างเหิมเกริมตามใจชอบทุจริตโกงชาติปล้นแผ่นดินถอนทุนบวกกำไรมหาศาล ซึ่งหากนักเลือกตั้งประพฤติดีก็คงไม่มีอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตยใดๆเข้ามาแทรกแซงได้
แต่ที่ผ่านมาก็เห็นกันอยู่ว่า พรรคธุรกิจการเมืองที่อาศัยคราบประชาธิปไตยจอมปลอมบังหน้าอย่างพรรคเพื่อไทยพอได้อำนาจแล้วก็ใช้อำนาจโกงชาติปล้นแผ่นดินประพฤติชั่วร้ายตามใจชอบโดยอ้างมาจากประชาชนซึ่งมีบทเรียนให้เห็นมาแล้วว่าพรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมได้สร้างความวิบัติย่อยยับให้ชาติบ้านเมืองตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา
การที่พรรคเพื่อไทยมักอ้างประชาธิปไตยสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองจึงส่อเจตนาปกปิดอำพรางโฉมหน้าที่แท้จริงเพราะพรรคเพื่อไทยถูกตั้งข้อสังเกตุว่า ไม่ใช่พรรคการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่เป็นพรรคธุรกิจการเมืองหรือบริษัทการเมืองจำกัดในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่มีตระกูลชินเป็นเจ้าของ และถูกสั่งการโดยคนเพียงคนเดียวคือ นายทักษิณ ส่วนบรรดา ส.ส.พรรคมีสถานะไม่ต่างจากพนักงานที่เป็นทาสรับใช้นายทุนเจ้าของบริษัทแทนที่จะทำหน้าที่ของผู้แทนราษฏรอย่างมีเกียรติ์มีศักดิ์ศรี
การออกมาแบไต๋ปลุกกระแสต้านคสช.และนายกฯคนนอกของพรรคเพื่อไทยด้านหนึ่งจึงสะท้อนความหวาดหวั่นวิตกว่าตัวเองกำลังถูกโดดเดี่ยวจึงต้องอาศัยประเด็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมเพราะเป็นทางรอดเดียวสำหรับระบอบทักษิณ
ที่พยายามดิ้นรนเคลื่อนไหวทุกวิถีทางเพื่อหาพวกหวังเอาตัวรอดและฟื้นระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้งผ่านการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า โดยซ่อนเป้าหมายสำคัญคือหาทางฟอกโทษความผิดให้กับนายทักษิณและคนตระกูลชินที่กำลังถูกคดีต่างๆตามเช็คบิล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี