เป็นไปได้อย่างไรที่ลัทธิลิเบอรัลจะอยู่ในพระพุทธศาสนา? ก่อนตอบคำถาม ผมขอยกคำขวัญของลัทธิลิเบอรัลมาแสดงก่อน โดยได้เรียบเรียงจากวิกิพีเดีย
คำขวัญ "เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ" เป็นคำขวัญประจำชาติของฝรั่งเศสที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เกิดขึ้นในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1789
“เสรีภาพ” คือ ความเป็นอิสระของบุคคลหรือปัจเจกชน ยังได้ขยายไปในเรื่องเสรีภาพในด้านความคิด ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาหาความรู้ การพิมพ์และเผยแพร่ข่าวสาร รวมทั้งเสรีภาพในทางการเมืองด้วย
“เสมอภาค” คือ ความเท่าเทียมกันตามกฎหมายของปัจเจกชนในเรื่องสิทธิและหน้าที่ เช่น ความเท่าเทียมในด้านการเสียภาษี การรับใช้ชาติโดยการเป็นทหาร และสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้ง
“ภราดรภาพ” คือ ความเป็นพี่เป็นน้องกัน มนุษย์ทุกคนจะต้องมีความเท่าเทียมกันและปฏิบัติต่อกันดุจพี่น้อง ความเป็นพี่เป็นน้องเป็นสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้มนุษย์ ไม่เน้นสีผิวหรือเผ่าพันธุ์
ส่วน “สาระในพระพุทธศาสนา” นั้นครอบคลุมนิยามข้างต้นทั้งหมด และมากกว่าหลายเท่านัก ลึกซึ้งถึงระดับปรมัตถธรรม แต่ผมจะไม่ยกมาแสดงทั้งหมด จะยกแค่บทสวดมนตร์มาแสดงเท่านั้น แล้วลองพิจารณาดูว่าสาระนั้นเป็น “มากกว่านิยาม” หรือความหมายของลัทธิลิเบอรัลหรือไม่?
“สัตว์โลกทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ขอจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย”
ผมจะลองเทียบกับคำขวัญหรือนิยามของลิเบอรัลอันเกิดจากการฏิวัติฝรั่งเศสดูครับ
1 “สัตว์โลกทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย” นี่คือ “ภราดรภาพ” คือความเป็นเพื่อนและญาติ ไม่ใช่เพียงแต่คนด้วยกันเท่านั้น แต่ยังรวม “สัตว์โลก” ทั้งหมดทั้งสิ้น ทั้งที่ปรากฏและไม่ปรากฏแก่อายตนะของเราด้วย
2 “ร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย” นี่คือ “ความเสมอภาค” สัตว์โลกทุกชนิด ทุกเผ่าพันธุ์ล้วนมี “ทุกข์” (ความไม่สามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงของชีวิตและโลกธรรมชาติได้ ส่งผลให้เกิดทุกข์กายทุกข์ใจ...) และทุกชีวิตต้องตายเหมือนกันหมด ไม่มีใครไม่ตาย แตกต่างกันที่ “กิริยาหรืออาการ” ที่กำลังจะตายเท่านั้น ซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำ (ผลของกรรมและวิบาก)
3 “ขอจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย” นี่คือ “เสรีภาพ” มันเกิดขึ้นจากการที่มนุษย์ไม่เบียดเบียนกัน รวมทั้งไม่เบียดเบียนสัตว์โลกอื่นๆด้วย และยังส่งผลตามมาอีกคือ “ความสุข” ทั้งในในบุคคลและสังคม
แต่ความสุขนี้...พระอริยสงฆ์ถือว่าเป็น “สุขร้อน” และมนุษย์ยังสามารถพัฒนาศักยภาพของตนให้มี “สุขเย็น” ได้ด้วย อันเป็นผลจากการบรรลุถึงสภาวธรรมที่เรียกว่า “นิพพาน”
สภาวธรรมที่เรียกว่านิพพานนั้นเป็นมากกว่าเสรีภาพ แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า “อิสรภาพ”
เป็นสภาวธรรมที่ปราศจากกิเลสตัณหา ปราศจากความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง ปราศจากแม้กระทั่งนิยามและ “ความเป็น” ลิเบอรัล
แต่พวกลิเบอรัลในประเทศไทย...ทั้งที่เป็นหนุ่มสาวหน้าใสวัยแสวงหา และผู้เฒ่าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนเข้าใกล้เมรุแล้ว กลับใช้นิยามข้างต้นสำหรับตัวเองเท่านั้น แม้แต่ในพวกเดียวกันก็ทะเลาะกัน! ว่าใครแท้ใครเทียม ส่วนคนอื่นๆที่ไม่ใช่พวกไม่ใช่ฝ่ายก็ถูกทำลายหมด
ทำลายเสรีภาพของคนที่คิดแตกต่าง ตั้งแต่ลอบฆ่ากันกลางถนนในการชุมนุมประท้วงรัฐบาล กระทั่งปั้นเรื่องเอามาด่าประณาม ขุดเอาเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนมาโจมตี
ทำลายภราดรภาพ หรือทำลายความเป็นพี่น้องที่เคยรักนับถือกันมา (ทำลายกระทั่งคนในครอบครัว)
ทำลายความเท่าเทียม ด้วยการดูถูกเหยียดหยามคนที่คิดแตกต่าง
เมื่อพิจารณา “ความเป็นลิเบอรัล” ของคนเหล่านี้แล้ว มันก็คือ “พวกอัตตาธิปไตย” นั่นเอง เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เอาตัวเองเป็นใหญ่ ในทางการเมืองก็คือ “พวกเผด็จการทรราช”
เมื่อเป็นอย่างนี้ ผมจึงเห็นว่าลิเบอรัลตามนิยามของฝรั่งนั้นมีอยู่ในพระพุทธศาสนาแล้ว แต่ไม่สมบูรณ์เท่ากับพระพุทธศาสนา มันเป็นเรื่องพื้นๆทางโลก แต่ก็ยังไม่มีใครทำได้ครบถ้วนตามนิยามของมัน
แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์ หากคนที่คิดว่าตัวเองเป็นลิเบอรัล มีคุณภาพและ “คุณสมบัติจิต” ตามคำนิยามจริง สังคมมนุษย์ก็อยู่กันอย่างสงบสุขแล้ว
แต่ที่สังคมมนุษย์ไม่มีความสงบสุข ก็เพราะไม่มีคนที่เป็นของจริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี