บรรดาสาวพรรคเพื่อแม้วต่างดาหน้าออกมาเคลื่อนไหวดับเครื่องชนอำนาจรัฐคณะรักษความสงบแห่งชาติ(คสช.)อย่างดุเดือดในช่วงนี้โดยเฉพาะนายวัฒนา เมืองสุข ที่ก่อนหน้านี้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวส่อท่าทีร้อนตัวแทนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกผู้เป็นนายใหญ่ที่ถูกสำนักงานอัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้เดินหน้าคดีทุจริตค้างเก่าสุดอื้อฉาว 2 คดีซึ่งสร้างความเสียหายแก่แผ่นดินมูลค่ามหาศาลโดยมีนายทักษิณเป็นจำเลย สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พรป.)ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ไปก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ศาลสามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้หลังจากที่ต้องจำหน่ายคดีชั่วคราวมานานหลายปีเนื่องจากนายทักษิณหนีคดี
2 คดีอื้อฉาวอันโด่งดังที่อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกเป็นจำเลยก็คือ คดีที่รัฐบาลทักษิณในอดีตทุจริตด้วยการใช้อำนาจรัฐสั่งให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานครทั้งๆที่กลุ่มบริษัทกฤษดามหานครอยู่ในบัญชีดำกลุ่มธุรกิจที่มีความเสี่ยงจากปัญหาหนี้เสีย ซึ่งการปล่อยกู้ดังกล่าวทำให้รัฐได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่าราว 12,000 ล้านบาท ซึ่งคดีนี้ นายทักษิณ เป็นจำเลยที่ 1โดยก่อนหน้านี้ศาลฏีกาพิพากษาลงโทษจำคุกอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทยและผู้บริหารกลุ่มบริษัทกฤษดามหานครกว่า 10 คนที่ขณะนี้ใช้กรรมอยู่ในเรือนจำ ซึ่งจากการให้การซัดทอดของจำเลยบางคนระบุว่าการปล่อยกู้ครั้งนี้เป็นคำสั่งจาก”นายใหญ่”ซึ่งหมายถึง นายทักษิณ
คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานครนอกจาก นายทักษิณ เป็นจำเลยที่ 1 แล้วที่สำคัญกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ได้ดำเนินคดีกับ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโต ของ นายทักษิณ ในข้อหาฟอกเงินจากการที่มีหลักฐานว่ามีการโอนเงินจากผู้บริหารกลุ่มบริษัทกฤษดามหานครมูลค่านับสิบล้านบาทเข้าบัญชีของ นายพานทองแท้
ส่วนอีกคดีหนึ่งของ นายทักษิณ ที่สำนักงานอัยการสูงสุดร้องต่อศาลให้มีการเดินหน้าต่อก็คือคดีทุจริตกรณีรัฐบาลทักษิณในอดีตใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ทับซ้อนด้วยการออกกฏหมายแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคมและโทรศัพท์มือถือเป็นภาษีสรรพสามิตอันเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจเครือชินวัตรและทำให้รัฐเสียรายได้เกือบ 70,000 ล้านาท
นายวัฒนา แพร่ข้อความในเฟซบุ๊คปกป้อง นายทักษิณ อ้างว่า “ การยึดอำนาจของคสช.สร้างความเสียหายให้กับประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง แต่ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดคือการทำลายหลักนิติธรรม โดยออกกฏหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้พิจรณาคดีอาญาลับหลังจำเลยได้ ทั้งหมดกระทำขึ้นเพียงเพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้าม ซึ่งนอกจากจะขัดกับหลักความยุติธรรมอาญาแล้ว ยังขัดหรือแย้งกับกฏหมายระหว่างประเทสที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน อันจะนำมาซึ่งความขัดแย้งและทำให้ประเทศสูญเสียความน่าเชื่อถือ ประชาชนจึงต้องอดทนรอให้มีการเลือกตั้ง เมื่ออำนาจกลับคืนมาแล้ว การยกเลิกกฏเกณฑ์หรือการกระทำต่างๆที่คสช.ทำให้ประเทศชาติ”เสื่อม”หรือเสียหายจะต้องได้รับการสะสาง ช่วยกันนับถอยหลังอีกไม่นานเกินรอครับ “
การที่ นายวัฒนา อ้างว่าการพิจารณาคดีลับหลังจำเลยตาม พรป.วิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่ขัดต่อหลักกฏหมายระหว่างประเทศ และเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองนั้น ความจริงก็คือแม้แต่องค์กรสิทธิมนุษยชนสากลก็ยอมรับการพิจารณาคดีลับหลังจำเลยเพื่อดัดหลังจำเลยที่หลบหนีความผิด และในหลายประเทศก็ขอให้ศาลพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ อีกทั้งไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมืองเพราะเป็นกฏหมายที่ใช้โดยทั่วไปกับจำเลยทุกคนอย่าเสมอภาคเท่าเทียม และ นายทักษิณ สามารถที่ตั้งทนายสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ นอกจากนี้การออกกฏหมายให้พิจรณาคดีลับหลังจำเลยได้เป็นการปฏิรูปกฏหมายเพิ่มประสิทธิภาพและอุดช่องโหว่นักการเมืองที่โกงชาติปล้นแผ่นดินแล้วหลบหนีโทษความผิด เพราะที่ผ่านมามีบทเรียนมาแล้วมากมายที่นักการเมืองผู้มีอำนาจโกงบ้านกินเมืองแล้วหนีไปเสพสุขอยู่ในต่างประเทศรอจนคดีหมดอายุความจึงเดินทางกลับอย่างลอยนวล
นายวัฒนา แสดงท่าทีเชิงขู่อาฆาตในทำนองว่าหากพรรคเพื่อแม้วกลับมามีอำนาจเมื่อใดก็จะมีการรื้อกฏหมายปราบพวกโกงบ้านกินเมืองที่ออกในยุคคสช.ให้หมด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายวัฒนา เคยแสดงความเห็นในลักษณะขู่อาฆาตหมายหัวบรรดาข้าราชการที่สนองนโยบายอำนาจรัฐคสช.ว่า หากพรรคเพื่อแม้วได้กลับมาเป็นรัฐบาลเมื่อใดก็จะเช็คบิลข้าราชการเหล่านี้แน่นอน ซึ่งถือเป็นสัญญาณอันตรายอันตรายต่อการปฏิรูปประเทศเพื่อจัดการล้างทุจริตคอร์รัปชั่น
ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฏหมาย ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาที่บิดเบือนของบรรดาสมุนพรรคเพื่อแม้วได้อย่างชัดเจน โดยชี้ว่า เนื่องจาก พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีผลบังคับใช้แล้วทำให้คดีไม่มีอายุความสามารถเดินหน้าคดีที่ค้างคาอยู่ได้ สามารถพิจารณาคดีและอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยได้ โดยให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้คดีได้ ถ้าจำเลยไม่มาเองสามารถส่งตัวแทนมาได้ หรืออาจสละสิทธิ์ไม่มาก็ได้ ในกรณีการเดินหน้าคดีของ นายทักษิณ จึงไม่ขัดหลักสิทธิมนุษยชนและหลักกฏหมายสากลเพราะกระบวนการยุติธรรมให้โอกาสแล้ว แต่กลับไม่มาต่อสู้คดีเอง และกฏหมายลักษณะนี้มีใช้ในหลายประเทศ
จากพฤติการณ์ของเหล่าสมุนพรรคเพื่อแม้วจึงส่อพฤติการณ์ร้อนตัวแทนนายและพยายามบิดเบือนอ้างว่าการเดินหน้าพิจารณาคดีทุจริตของนายทักษิณที่ค้างคามานานหลายปีจากการหลบหนีของนายทักษิณเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองและขัดหลักสิทธิมนุษยชนรวมทั้งขัดหลักกฏหมายระหว่างประเทศ ทั้งๆที่หากนายทักษิณมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองก็ควรกล้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมอย่าสง่าผ่าเผยไม่ใช่หลบหนีเหมือนที่ทำอยู่ขณะนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี