ช่างเป็นประธานาธิบดีที่สร้างความร้าวฉานได้อย่างไม่น่าเชื่อ งานการไม่ค่อยทำเป็นมรรคผลสำเร็จเท่าไหร่นัก แต่เฮียทรัมป์ชอบจังกับการแกว่งเท้าหาเสี้ยน หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือแกว่งปากหาเท้ามากกว่า เรื่องการวิวาทแขวะด่าอาตี๋คิมถือเป็นกิจวัตรรายวัน ขู่คำรามกันไปมา ลุงทรัมป์เพิ่งจะลงดาบใส่เกาหลีเหนือด้วยการแปะป้ายให้เป็นประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย รวมกับบรรดาเด็กดื้อในสายตาลุงแซมอย่างอิหร่าน ซูดาน และซีเรีย เล่นเอาอาตี๋คิมงัดจรวดออกมายิงตูมตามคำรามใส่ แต่หนนี้ จรวดอาตี๋ดูมีฤทธิ์เดชถึงขั้นสามารถถล่มวอชิงตันดีซีได้ ลุงทรัมป์ขยับปากจะด่ากลับก็พอดีเป็นช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า
พอหลังวันขอบคุณพระเจ้า ลุงทรัมป์ก็เอาอีกแล้ว สร้างความอิดหนาระอาใจด้วยการทำในสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างร้ายแรงในฐานะประธานาธิบดี นั่นคือการรีทวีตวิดีโอ 3 ชุดที่โพสต์โดยรองหัวหน้ากลุ่มขวาจัดอังกฤษ ที่เคยถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง เล่นเอาชาวโลกด่าลุงกันเละเทะ เพราะเป็นเรื่องไม่สมควรทำที่สุด ยิ่งในฐานะผู้นำประเทศด้วยแล้ว ยิ่งเข้าข่ายบัดซบเลยทีเดียว
คลิปที่ว่านี้เป็นคลิปที่อ้างว่าชายชาวมุสลิมกำลังทำร้ายเด็กชายชาวเนเธอร์แลนด์ที่ใช้ไม้ค้ำเดิน อีกคลิปอ้างว่าเป็นม็อบมุสลิมกำลังผลักวัยรุ่นคนหนึ่งบนหลังคา ส่วนคลิปที่ 3 อ้างว่าเป็นคนมุสลิมคว้ารูปปั้นพระแม่มารีโยนลงกับพื้นแล้วทุบ แต่ไม่มีการยืนยันแต่อย่างใดว่าคลิปเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง
วิดีโอเหล่านั้นเบื้องต้นโพสต์โดย เจย์ดา ฟรานเซน รองหัวหน้ากลุ่ม “บริเตน เฟิสต์” ซึ่งเป็นกลุ่มขวาจัดในอังกฤษโดยก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 2011 กลุ่มนี้ยกย่องเชิดชูโดนัลด์ ทรัมป์มากเพราะลุงทรัมป์ชื่นชมยินดีต่อทุกสิ่งอย่างที่กลุ่มนี้ทำมาโดยตลอด พอลุงทรัมป์รีทวิตก็ถึงกับดี๊ด๊าลั่นล๊ากันทั้งกลุ่ม ออกมาทวิตขอบอกขอบใจใหญ่โต
“โดนัลด์ ทรัมป์ รีทวีตคลิปเหล่านี้ด้วยตัวเอง และเขามีผู้ติดตามถึง 44 ล้านคน! ขอพระเจ้าอวยพรนะ..ทรัมป์! ขอพระเจ้าอวยพรอเมริกา!”
เมื่อปีกลาย เจย์ดา ฟรานเซน ถูกจับกุมในข้อหาว่าก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง หลังด่าทอผู้หญิงมุสลิมคนหนึ่งที่สวมฮิญาบ กลุ่มนี้ก่อตั้งมาแบบเดียวกับแนวคิดของฮิตเลอร์ที่ต่อต้านยิวในอดีต แต่กลุ่มนี้ต่อต้านมุสลิมเป็นหลัก วันดีคืนดี เอ๊ะ.. คงต้องบอกว่าวันร้ายคืนร้ายก็ระดมพลออกไปชูป้ายประท้วงตามมัสยิดต่างๆ แม้ว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งในอังกฤษและรัฐสภายุโรปหลายครั้ง แต่ก็แห้วกินทุกครั้ง
การที่ทรัมป์รีทวิตรัวๆ ทำเอาเหล่าชาวอังกฤษและชาวโลกเบ้ปากมองบนกันเป็นแถว เดวิด แลมมี ส.ส.พรรคแรงงานอันเป็นพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษออกมาโวยว่า
“ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังสนับสนุนฟาสซิสม์ การเหยียดผิว กลุ่มเกลียดชังหัวรุนแรง ซึ่งหัวหน้าของกลุ่มบริเตน เฟิสต์ถูกจับและโดนพิพากษาว่ามีความผิด ทรัมป์ไม่ใช่พันธมิตรหรือแม้แต่เพื่อนของเรา”
ส่วนเจเรมี คอร์บิน ผู้นำฝ่ายค้านบอกว่าการรีทวีตของทรัมป์คือสิ่งที่น่ารังเกียจ อันตรายและเป็นภัยคุกคาม ซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีลอนดอนมีความเห็นว่า กลุ่มบริติชเฟิร์สต์เป็นองค์กรเลวทรามและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และแนวคิดของคนกลุ่มนี้สมควรถูกประณาม ไม่ใช่ส่งเสริม
นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ แห่งอังกฤษก็ออกมาตำหนิเรื่องที่ลุงทรัมป์รีทวีตคลิปวิดีโอของพวกขวาจัดในอังกฤษที่ต่อต้านชาวมุสลิมโดยเทเรซา เมย์กล่าวตำหนิทรัมป์ผ่านโฆษกว่า ผู้นำสหรัฐฯ “ทำผิด” ที่ส่งเสริม นิยายซึ่งเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายเกลียดชังของกลุ่มบริติชเฟิร์สต์
แทนที่ลุงทรัมป์จะสงบปากสงบคำ ลุงกลับทวิตด่าเทเรซา เมย์กลับไปแบบไม่ยั้งคิดตาต่อตาฟันต่อฟันว่า
“อย่ามาสนใจผมเลย ใส่ใจลัทธิอิสลามหัวรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในสหราชอาณาจักรดีกว่า พวกเราที่นี่สบายดี!”
ทำเนียบขาวออกมาแก้ตัวแทนลุงทรัมป์จนปากเปื่อยอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ดูเหมือนไม่ได้ผลอะไรนัก เพราะชาวโลกเห็นไส้ที่ลุงขยันสาวเอามาโชว์หมดแล้วว่ามีกี่ขด
นึกแปลกใจสงสัยว่าเหตุใดโดนัลด์ ทรัมป์ถึงมีอคติและเหยียดผิวขนาดหนัก แม้อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีแล้วก็ยังไม่วายส่อสันดานออกมาให้เห็น เลยสืบไปถึงครอบครัวว่าลุงแกเติบโตมาในครอบครัวแบบไหนถึงได้บิดเบี้ยวขนาดนี้
แต่พออ่านประวัติพ่อของลุงทรัมป์แล้วก็กระจ่างว่าทำไมลุงถึงมีอคติได้อย่างสุดกู่ ลุงทรัมป์นั้นยกย่องพ่อตนเองว่าเป็นฮีโร่ในดวงใจจนเดินตามรอยเท้าพ่อตนเองแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงานอาชีพหรือวิธีคิด
ในปี 1927 ในวันเมมโมเรียลเดย์ กลุ่มคูคลักซ์แคลนซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายองค์แรกในอเมริกาที่มีจุดมุ่งหมายในการสังหารหรือก่อกวนคนผิวดำ ยิว และผู้ที่นับถือคริสต์โรมันคาทอลิค เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นองค์กรเหยียดผิวแบบสุดโต่งในอเมริกา
กลุ่มคูคลักซ์แคลนเดินขบวนประท้วงเข้ามาในนิวยอร์ก มีการก่อความไม่สงบ ตำรวจจึงจับกุมแกนนำ 7 คน และหนึ่งใน 7 คือเฟรดเดอริค ทรัมป์ พ่อของโดนัลด์ ทรัมป์นั่นเอง จึงเป็นที่โจษจันกันทั่วว่าพ่อของทรัมป์เป็นสมาชิกระดับสูงในองค์กรเหยียดผิวองค์กรนี้ ซึ่งลุงทรัมป์ได้ออกมาปฎิเสธเสียงหลงว่าพ่อของตนนั้นไม่ใช่พวกคูคลักซ์แคลน แต่ประเด็นคือมีหลักฐานในเรื่องนี้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าพ่อของโดนัลด์ ทรัมป์ถูกจับพร้อมแกนนำกลุ่มคูคลักซ์แคลน เมื่อปี ค.ศ.1927
ในฐานะผู้ที่อาศัยอยู่ในอเมริกา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นมากสำหรับคนสีผิวอื่น แม้แต่ชาวเอเซีย แต่ก่อนกลุ่มคลั่งขาวทั้งหลายอยู่กันเฉพาะในกลุ่มในย่านของตนเท่านั้น แทบจะไม่ค่อยออกมาโชว์ออฟให้เป็นข่าวเท่าไหร่นัก แต่นับตั้งแต่อเมริกามีประธานาธิบดีชื่อโดนัลด์ ทรัมป์ มักเห็นคนกลุ่มนี้ออกมาแสดงตัวตามท้องถนนอยู่เสมอ และชุมนุมที่นั่นที่นี่จนเป็นข่าวแทบทุกเดือน เมื่อคนกลุ่มนี้ทำผิด โดนัลด์ ทรัมป์มักไม่ยอมออกมาแสดงความเสียใจหรือความรับผิดชอบใดๆ ต่อการกระทำของกลุ่มคลั่งขาวเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพังเพยของไทยที่ว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” หรือที่อเมริกามีคำกล่าวว่า “Like father, like son” คือพ่อลูกไม่ต่างกัน แม้ว่าชาวโลกจะด่าทอต่อว่าทรัมป์อย่างไรก็ตาม แต่คนอย่างทรัมป์นี่แหละคือตัวแทนที่ชัดเจนที่สุดของผู้คนในสังคมอเมริกันทุกวันนี้ ที่คิดว่าความเป็นอเมริกัน จะทำอะไรก็ได้ไม่น่าเกลียด เพราะกร่างจนเคยตัว กร่างไปทั่วโลกจนเหยียบย่ำไปบนหัวชาวบ้านชาวช่องและประเทศอื่นทั่วโลก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี