“ถ้าคนไทยไม่แก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ คนไทยจะไม่มีน้ำจืดสำหรับบริโภคและทำไร่ทำนาอีกต่อไป เพราะน้ำจืดในผืนดินที่โลกได้สะสมเอาไว้กำลังจะหมดไป เมื่อน้ำจืดหมดไป น้ำเค็มซึ่งอยู่ใต้ดินก็จะยกตัวลอยขึ้นเหนือผิวดินเข้ามาแทนน้ำจืดที่เคยใช้ ซึ่งจะเป็นหายนะของชาวไทยในอนาคตอันใกล้นี้ ถ้าไม่รีบแก้ไขอย่างเร่งด่วน”
พระเดชพระคุณพระนิเทศศาสนคุณ (หลวงพ่อสมาน แสงศรี) เจ้าอาวาสวัดอาฮงศิลาวาสกล่าวอย่างห่วงใยคนรุ่นหลัง ที่จะต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนน้ำภายใน 20 ปีนี้ เพราะถ้าขาดน้ำ ไม่ว่าคนในประเทศไหนๆก็ถึงกาลอวสาน รวมทั้งสัตว์หรือพืชพันธุ์นานาด้วย
พระคุณเจ้าได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องการเก็บรักษาน้ำไว้ใต้ดินในปี 2537 โดยใช้สถานที่วัดบุญเรืองสุวรรณาราม ตำบลค่ายอกหวาน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคายเป็นที่ทดลอง ผลปรากฏว่าในลำห้วยกอมเกาะที่แห้งแล้งมีน้ำไหลผ่านวัด และน้ำจากทุ่งนาก็ถูกทำให้ไหลลงบ่อหายไปอยู่ในชั้นหินอุ้มน้ำตามแรงโน้มถ่วงของโลก และแรงเหวี่ยงของโลกที่หมุนรอบตัวเอง
ชุมชนรอบวัดศรีบุญเรืองสุวรรณารามในรัศมีประมาณ 30 ตารางกิโลเมตรก็มีน้ำสะอาดไว้กินและใช้
ต่อมา...พระคุณเจ้าได้นำองค์ความรู้นี้มาพัฒนาต่อที่วัดอาฮงศิลาวาส ตำบลไคสี อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ ผลการทดลองก็ประสบผลสำเร็จเช่นเดียวกัน คือมีน้ำข้างวัดไหลลงแม่น้ำโขง ซึ่งแต่ก่อนเคยแห้งแล้งมาก เมื่อผลการศึกษาทดลองผ่านไป 15 ปี พื้นที่บริเวณวัดอาฮงศิลาวาสก็เกิดความชุ่มชื้น น้ำบาดาลที่เคยแห้งแล้งต้องเจาะดินลึกกว่า 80 เมตร ปัจจุบันมีน้ำระดับผิวดินแค่ 1 เมตรเท่านั้น
หลังจากนั้นพระคุณเจ้าได้ไปช่วยวัดถ้ำปู่หล้า ตำบลพุทธบาท อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นวัดที่ขาดแคลนน้ำ ถึงแม้จะเจาะน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ก็ไม่อาจนำมาใช้ได้ เพราะน้ำมีรสเค็ม ใช้ซักสบงจีวรก็มีคราบเกลือเมื่อแห้ง ดังนั้นน้ำใต้ดินในบริเวณวัดนี้จึงไม่สามารถใช้ได้เลย วัดจึงต้องเก็บน้ำฝนเอาไว้ใช้ตลอดปี แต่ในปัจจุบันนี้พบว่า เกิดมวลน้ำในบริเวณวัดมากมาย และน้ำเค็มที่เคยปรากฏเมื่อในอดีตก็หายไปอย่างถาวร
ในเวลาต่อมา..พระคุณเจ้าได้คิดค้นวิธีเก็บน้ำฝนไว้ใต้ดินที่วัดถ้ำจำปา ตำบลหนองสูง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร และวัดหนองป่าอ้อ ตำบลปะขาว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จเช่นกัน
ในปัจจุบันนี้วัดทั้งหมดที่กล่าวมาได้เปิดให้ผู้สนใจได้ศึกษาเรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ต่อไป
พระเดชพระคุณพระนิเทศศาสนคุณต้องการเก็บน้ำฝนที่ตกลงมาบนผืนแผ่นดินไทยให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมและไหลไปอย่างไร้ประโยชน์ รวมทั้งสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความยากลำบากที่ได้รับจากภัยแล้งอยู่แล้ว พระคุณเจ้าจึงได้จัดตั้ง “มูลนิธิหวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล” เพื่อเป็นหลักให้ให้องค์กรสามารถทำงานได้เป็นระบบและสะดวกขึ้น และจัดตั้ง “สถาบันวิจัยนิเทศศาสนคุณ” ขึ้นในวันที่ 28 เมษยน 2557 เพื่อดำเนินการบริหารจัดการน้ำโดยเฉพาะ ภายใต้การอุปถัมภ์ของมูลนิธิหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล โดยมีพระคุณเจ้าเป็นประธานทั้ง 2 องค์กร
ปัจจุบันสถาบันน้ำนิเทศศาสนคุณได้เผยแพร่ความรู้ในเรื่องการจัดเก็บน้ำและบริหารน้ำไปทั่วประเทศ มีองค์กรทั้งของรัฐและเอกชนขอเข้ารับการอบรม รวมทั้งได้เชิญผู้บริหารของสถาบันฯไปบรรยายในองค์กรของตนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสื่อมวลชนสาขาต่างๆก็ช่วยเผยแพร่ข่าวสารด้วยเช่นกัน
ล่าสุด...กระทรวงกระเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอ “โครงการธนาคารน้ำใต้ดิน” ของสถาบันนิเทศศาสนคุณเป็นนโนบายของรัฐบาล เพื่อจัดกักเก็บน้ำไว้ใต้ดินเพื่อประโยชน์แก่คนไทยทั้งประเทศต่อไป
ผมมั่นใจว่า..ถ้ารัฐบาลสามารถดำเนินการนโยบายธนาคารน้ำใต้ดินอย่างจริงจังและต่อเนื่องยาวนานพอ ผืนแผ่นดินไทยจะต้องมีน้ำอุดมทั้งบนดินและใต้ดิน สำหรับใช้ประโยชน์อย่างรอบด้านแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี