อำเภอสามโคกเดิมเป็น "เมืองสามโคก" เพราะมีโคกโบราณอยู่ในเมือง 3 แห่ง เป็นเมืองเก่าแก่มาช้านาน ปรากฏหลักฐานเมื่อหลังแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อพ.ศ. 2203 ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมิงเปอกับพรรคพวกมอญด้วยกัน 11 คน ได้พาครอบครัวมอญประมาณหมื่นคนอพยพหนีการกดขี่ของพม่าเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ "บ้านสามโคก" ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก (บริเวณระหว่างวัดตำหนักกับวัดสะแก) ชุมชนมอญได้ขยายตัวเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ จึงได้ตั้งเป็นเมืองขึ้นในบริเวณใกล้กับวัดสิงห์และใช้ชื่อว่า เมืองสามโคก
ต่อมา หลังจากการอพยพของชาวมอญที่ได้เข้ามาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารเมื่อครั้งแรก ต่อมามีการอพยพครั้งสำคัญอีกสองครั้ง คือ ในปี พ.ศ. 2317 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยมีพญาเจ่ง- ตะละเส่งกับพระยากลางเมืองเป็นหัวหน้า และในปีพ.ศ. 2358 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) เกิดการอพยพอีกครั้งโดยมีสมิงรามัญเมืองเมาะตะมะเป็นหัวหน้า จึงโปรดเกล้าฯ ให้ชาวมอญที่อพยพมาทั้งสองครั้งนี้ส่วนหนึ่งไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองสามโคก และอีกส่วนหนึ่งให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ปากเกร็ด เมืองนนทบุรี และเมืองนครเขื่อนขันธ์ (อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ในปัจจุบัน)
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พร้อมด้วยกรมพระราชวังบวรมหาเสนารักษ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาประทับแรม ณ ที่พลับพลาริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกเยื้องเมืองสามโคก (บริเวณวัดปทุมทองปัจจุบัน) ทรงรับดอกบัวหลวงจากชาวมอญที่นำมาทูลเกล้าฯ ถวายอย่างมากมาย และประกอบกับในครั้งนั้น เดือน 11 เป็นฤดูน้ำหลาก ดอกบัวบานสะพรั่งอยู่ทั่วไป ด้วยเหตุนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามเมืองสามโคกใหม่เพื่อให้เป็นสิริมงคลว่า เมืองประทุมธานี และยกฐานะขึ้นเป็นหัวเมืองชั้นตรี ต่อมาภายหลังเปลี่ยนคำสะกดเป็น "ปทุมธานี"
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้ทรงตั้งเป็นอำเภอสามโคก ตามพระราชบัญญัติการปกครองท้องที่ ร.ศ.116 (พ.ศ. 2440) ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอไปตั้งในที่แห่งใหม่ที่ปากคลองบางเตยข้างเหนือริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก
ตุ่มสามโคก
สมัยก่อนเคยได้ยินคำเปรียบเปรยผู้หญิงคนหนึ่งว่า “ยายตุ่มสามโคก” นั้นก็เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นตูดใหญ่สะโพกผาย
“สามโคก” เป็นชื่อท้องที่อำเภอหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ใครไปอยุธยาทางน้ำจะต้องผ่าน สุนทรภู่ก็ยังบอกไว้ในนิราศภูเขาทอง ว่า
“ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าบำรุงซึ่งกรุงศรี
ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว (มาก)”
ตุ่มสามโคกนี้ชาวมอญเรียกว่า " อีเลิ้ง " มีลักษณะเนื้อดินสีแดงเหมือนอิฐหรือสีมันปู เนื้อภาชนะตุ่มค่อนข้างหนารูปทรงปากโอ่งแคบ คอโอ่งจะติดกับไหล่ มีลายยืดเป็นเส้นคู่ตรงไหล่ กลางป่องกลม รูปทรงเตี้ยป้อม ปากและก้นโอ่งมีขนาดใกล้เคียงกัน ดังมีสำนวนเปรียบเทียบคนที่มีร่างกายอ้วนท้วมสมบูรณ์ว่า อ้วนเหมือนตุ่มสามโคก ลักษณะพิเศษของตุ่มสามโคกคือเมื่อใส่น้ำไว้ดื่ม จะเก็บรักษาความเย็นของน้ำได้ดี เนื่องจากเนื้อดินเผาไม่เคลือบน้ำยา น้ำจึงซึมซับจับเนื้อดินไว้ดีเก็บความเย็นไว้ได้ดีเหมือนมีตู้เย็นไว้ใช้ในบ้าน
บ้านตานิด ร้านอาหารและห้องพักโค้งริมเจ้าพระยามุมสวย ที่ยังคงบรรยากาศบ้านเก่าอายุ 60 กว่าปีก่อน ได้รับการตกแต่งปรับปรุงเพิ่มบรรยากาศเป็นร้านอาหารด้วยรายการอาหารเหมือนทำกินตามบ้าน มีโฮมสเตย์ห้องพักอย่างสบาย 8 ห้อง บริการสอนศิลปะ ย้อมผ้า โดยเจ้าของบ้านผู้จบมัณฑนศิลป์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร
สภาพบ้านเดิมที่ได้รับการปรับปรุง
เป็นบ้านโบราณได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น ห้องพักสวยงามสะอาด พักผ่อนสบาย ท่ามกลางบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา สายน้ำไหลเอื่อยริน นกเหยี่ยวแดงบินโฉบเฉี่ยวหาเหยื่อด้วยท่วงท่าสง่างาม บรรยากาศช่วงโพล้เพล้แสงลำสุดท้ายของอาทิตย์ให้สีมะลังเรืองสวยยิ่งกว่าภาพเขียนในจิตนาการ โค้งน้ำเจ้าพระยาช่วงนี้น่าจะเป็นโค้งน้ำที่สวยสุดตลอดลุ่มน้ำ ยังคงสภาพเก่าๆ เหมือนสมัยก่อนปราศจากสิ่งปลูกสร้างสมัยใหม่ ได้สัมผัสสักครั้งหนึ่งแล้วอยากไปอีกไม่รู้เบื่อ
เป็นโค้งน้ำที่สวยสุดตลอดลุ่มน้ำเจ้าพระยา
พระสงฆ์องค์เจ้ายังออกบิณฑบาตทางเรือเหมือนเมื่อร้อยปีก่อน
สำรับอาหารเย็น
อาหารหลากหลายเมนูโบราณหากินยากโดยแม่ครัวฝีมือดีที่สืบทอดรสชาติเดิม ยังไม่ปร่าแปร่งตามสมัยนิยม ปรุงแต่งอาหารแต่ละจานด้วยจิตวิญญาณอย่างประณีตบรรจง เพียงได้สัมผัสด้วยสายตาก็รับรู้ได้ถึงความไม่มีจริตจะก้านเหมือนอาหารร่วมสมัย
ขนมปังหน้าหมู
ขนมปังตัดเป็นแผ่นขนาดกำลังกิน หน้าหมูสับปรุงรสกลางโรยงาทอดสีสวยเกือบจะกรอบ กินกับอาจาดรสกำลังดี
ยำวุ้นเส้น
รายการอาหารที่ถูกใจคุณสุภาพสตรี ส่วนผสมทั้งหลายให้แคลอรี่ต่ำ รสชาติครบเปรี้ยวเค็มหวานถูกปาก ยำร้านนี้รสกลางๆ ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป ใส่เครื่องครบทั้งถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง หมูสับ กุ้งสดลวก หมึกลวก เป็นสัดส่วนที่ลงตัวพอดิบพอดี
กุ้งสะดุ้ง
กุ้งแม่น้ำผ่าครึ่ง ย่างแบบเกือบจะสุกวางแผ่เรียงรายแล้วราดด้วยน้ำยำครบรส ทั้งพริกขี้หนูสับกระเทียมสับ รสจัดถึงอกถึงใจ แต่งจานสวยด้วยมะนาวฝาน ใบสะระแหน่ประดับ
หลนปลากุเลาหอม
หลนเครื่องจิ้มไทยโบราณ กินกับผักสด หลนอาหารไทยมีหลายชนิด โดยมากมักจะหลนกับของดองของเค็ม เช่น หลนเต้าเจี้ยว หลนเต้าหู้ยี้ หลนปลาร้า หลนกุ้ง หลนปลาเค็ม กะปิหลน หลนเค็มบักนัด ฯลฯ แต่ละสูตรหลนจะมีเครื่องแน่น หอมกลิ่นกะทินับวันยิ่งหากินยาก กินคู่กับผักสดตามฤดูกาลเพิ่มคุณค่า แคลอรีต่ำ เหมาะเป็นอาหารลดน้ำหนัก
ปลากุเลา เป็นปลาที่ทำเป็นปลาเค็มได้หอมเนื้อร่วน เป็นสุดยอดของปลาเค็มเป็นที่ยอมรับแม้กระทั่งคนจีนตอนใต้ เช่น ที่มาเก๊า ตลอดจนถึงตอนใต้ของไทย ปลากุเลาเค็มจากอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นที่รู้กันดีถึงรสหอมและความสะอาดที่สุดเพราะทำกันในเรือกลางทะเล จนต้องสั่งจองกันล่วงหน้าในราคาก็แพงกว่าปลาเค็มจากแหล่งอื่นๆ
เมื่อเอามาทำหลนปลากุเลาเค็มจึงเป็นหลนที่รสชาติคมคายกว่าปลาเค็มอื่น
น้ำพริกกะปิกุ้งสด
เป็นน้ำพริกแบบแห้งร่วนเหมาะกับคลุกกินกับข้าวแนมผักสดต่างๆ รสหอมสมุนไพรที่โขลกผสมกับกะปิหอม เพียงได้กลิ่นก็ให้รู้สึกหิวขึ้นมาทันทีทันควัน
ไหลบัวผัดกุ้งสด
ไหลบัวหรือหลดบัว เป็นสายบัวที่เป็นท่อนต้นที่ใช้ขยายพันธุ์ คือลำต้นใต้ดินแบบเหง้ามีปลายแหลมจากเหง้าใช้แทงมุดดินไปเพื่อขยายอาณาเขต ไหลบัว หรือ หลดบัว นำมาประกอบอาหารอร่อยได้หลายอย่าง เพราะยังคงความกรอบแม้จะผ่านความร้อนผัดหรือต้ม ผัดหลดบัวกับกุ้งสดปรุงกันง่ายๆ หากแต่ได้รสได้กลิ่นแบบธรรมชาติ
แกงส้มไหลบัวกุ้งสด
แกงส้มไหลบัวหรือหลดบัวใส่กุ้งสดให้รสเลิศที่สุด ทั้งกรอบฉ่ำด้วยน้ำแกงส้มปรุงได้รสมีชีวิตชีวา แม่ครัวพ่อครัวมักจะกล่าวว่าการแกงส้มดูเหมือนจะง่าย หากแต่ปรุงรสได้พอดิบพอดีนั้นยากเพราะต้องใช้ความแม่นฉมังของฝีมืออยู่มาก
ปลาดุกย่างสะเดาลวก
ฤดูนี้ต้นสะเดามัน(บางคนชอบสะเดาป่าที่สุดขม)ออกดอกพราว ประจวบกับเป็นช่วงที่บรรดาสัตว์น้ำมีเนื้อหวานมันที่สุดในรอบปี เมื่อเอาใบอ่อนติดดอกของสะเดาลวกแก้ขม บ้างก็ฟาดกับไฟที่ใช้ย่างปลาดุก ทำน้ำปลาหวานสามรสเข้มข้น ลอยหน้าด้วยพริกทอดหอมทอดกระเทียมทอด แกะเนื้อปลาดุกย่างแล้วรูดดอกใบของสะเดา ราดน้ำปลาหวาน เป็นความอร่อยที่มีเพียงปีละครั้งเมื่อสะเดาออกดอก แต่มีบางร้านในกรุงเทพฯ ใช้ตู้แช่แข็งนับสิบใบเพื่อแช่ดอกสะเดาเพื่อขายทั้งปี
ปลาค้าวแดดเดียวทอด
ปลาค้าวหรือปลาเค้าเป็นปลาน้ำจืดที่มีสกุลรุนชาติอีกชนิดหนึ่ง เนื้อมันละเอียด แม้จะเป็นวงศ์เดียวกับบรรดาปลาไม่มีเกล็ดทั้งหลาย เช่น ปลาเนื้ออ่อน ปาลคางเบือน ปลากด ปลาดุก แต่ปลาค้าวแม้จะตัวใหญ่กว่ามาก แต่รสชาติจะดีที่สุด จึงมีราคาค่อนข้างสูง เมื่อได้ชิมปลาค้าวชิ้นโตทอดแดดเดียวแล้ว แทบไม่อยากจะสนใจปลาอื่น
ยำเนื้อย่างและยำหมูย่างมะเขือเปราะ
ยำแบบเก่าๆ อีกหนึ่งเมนูที่จวนจะถูกลืมเลือน ยำที่ชนะใจคนชอบกินเนื้อสัตว์ที่กึ่งดิบกึ่งสุก นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรต่างๆ สำหรับคนรักสุขภาพ พร้อมด้วยเนื้อสันในเนื้อสันนอกหรือสันคอหมูอย่างดีย่างพอให้น้ำตก หั่นส่วนผสมอื่นๆ ตะไคร้ซอยเอาแต่ส่วนโคน ใบมะกรูดใบอ่อน มะเขือเปราะเลือกผลอ่อนหั่นบางแช่น้ำเกลือกันเปลี่ยนสีคล้ำ ผสมน้ำยำด้วยการหั่นรากผักชี กระเทียม และพริกขี้หนู โขลกรวมกันเพื่อปรุงน้ำยำ โดยผสมน้ำตาล น้ำปลา น้ำมะนาว และเกลือ จนน้ำตาลและเกลือละลายดี ชิมรสตามชอบ เติมพริกโขลกลงไป หอมแดงซอยบาง ใส่ผักทั้งหมด ตามด้วยน้ำยำเคล้าโหย่งๆ ตักใส่จานโรยใบสะระแหน่ กินกับใบทองหลาง ใบชะพู หรือผักกาดหอม ผักกาดแก้ว นอกจากจะอร่อย ยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย
ปลากรายผัดป่า
แม่น้ำอยู่ตรงหน้าแค่นี้เอง จึงมีปลากรายใหญ่น้อยค่อนข้างชุกชุม ถ้าเชิงใหญ่ชุบแป้งทอดกินกับอาจาด หากตัวเล็กจะขูดเอาแต่เนื้อมานวดให้เหนียวทำลูกชิ้น ปั้นใหม่ๆ ลวกให้พอสุกแล้วเอามาผัดกับนานาผักสมุนไพรเท่าที่หาได้ โขลกพริกกระเทียมแล้วผัดกับลูกชิ้นปลากราย จนจามกลิ่นจากในครัว
ต้มโคล้งปลาสลิดใบมะขามอ่อน
ฤดูนี้อีกเช่นกันที่มะขามแตกใบอ่อน รูดใบ แกะปลาสลิดเอาแต่เนื้อ เอามาต้มกับเครื่องสมุนไพรสด พริกย่าง กับเห็ดปรุงรสเผ็ดโดดเปรี้ยวมะขามเปียกให้จัดจ้าน นัยว่าเหมาะกับแก้ไข้หัวลมหนาว
ข้าวผัดปลาทู
อร่อยจนรำลึกถึงสมัยเด็กที่กินข้าวคลุกกากหมูเจียวใหม่ๆ คลุกกับเนื้อปลาทูทอด แล้ววางถ้วยพริกน้ำปลามะนาวเคียงข้าง โรยหอมแดงซอยใบผักชีแนมแตงกวา บีบน้ำมะนาวเคล้า
เม็ดข้าวร่วนปานเต้นระบำมาจากกระทะ
ลูกตาลลอยแก้ว
ลูกตาลสดลอยแก้วในน้ำเชื่อม เติมน้ำแข็งให้เย็นฉ่ำชื่นใจ ของหวานที่ปัจจุบันไม่ค่อยเห็น อาจเป็นเพราะต้นตาลถูกโค่นจนร่อยหรอไปทุกวัน
บ้านตานิด
40 ม.2 ถ.ปทุมธานี-สามโคก ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 12160
โทรศัพท์ : 0858383242 , 0818350660
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/Baantanid/
ภาพถ่าย มีรัติ รัตติสุวรรณ และ กำศักดิ์ อติพิบูลย์สิน
แผนที่ มูฮัมหมัด พันธ์โพธิ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี