1.
ปีใหม่ ชีวิตใหม่ ให้หล่อสวย
ให้ร่ำรวย แข็งแรง แกร่งดังหวัง
ชีวิตล้มละลายเคยพ่ายพัง
จงยืนหยัดอีกครั้งอย่างยืนยง
มีสติปัญญาเห็นฟ้าใหม่
ฟ้าแห่งใจใสกระจ่างอย่างประสงค์
ก้าวไปบนวิถีธรรมนำมั่นคง
มีผลบุญหนุนส่งสู่นิพพาน
2.
ยามใดที่เราเป็นทุกข์ ไม่ว่าจะทุกข์กายหรือใจ เกิดจาก “ตัวเอง” หรือคนอื่น นั่นแสดงว่า "ชีวิตที่จริงแท้" ได้เตือนเราว่า เรากำลังคิดผิด พูดผิด ทำผิด
ชีวิตที่จริงแท้..กับตัวเรานั้นแตกต่างกัน แม้จะอยู่ในร่างกายและจิตใจเดียวกัน
ชีวิตที่จริงแท้เป็นธรรมชาติ ดำเนินไปตามกฎของธรรมชาติ ไม่ใช่ชีวิตที่ “เป็นตัวเราและเป็นของเรา”
ตัวเราเกิดจากอาการ “หลงคิด-หลงยึด” เอาเองว่าชีวิตที่จริงแท้นั้น (ร่างกายและจิต) เป็นเรา เป็นของเรา
และเราก็ใช้ “ความคิด” ดำเนินชีวิตอยู่แทบทุกขณะจิต ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับ บางทีหลับแล้วความคิดก็ยังทำงานอยู่...ที่เรียกว่าความฝัน
ความคิดของเราเป็นเพียงอาการไหวเคลื่อนของสัญลักษณ์ (ภาษาและภาพ)ตามเจตนาของจิต หรือกล่าวอีกแบบหนึ่งก็คือ เราคิดเป็นภาษาและภาพ มันเป็นสิ่งสมมุติที่เราบัญญัติ(คิดประดิษฐ์ขึ้น) มันไม่เคยสมบูรณ์ และจะไม่มีวันสมบูรณ์ นั่นเป็นลักษณะเฉพาะของมันเอง (สมมุติสัจจะ)
ชีวิตที่จริงแท้..จึงถูกตัวตนของเราอำพราง กดทับ เบี่ยงเบน ละเลย และถูกชักจูงด้วยความคิดอยู่แทบตลอดเวลา
ในส่วนลึก..มันเกิดอาการยื้อยุดของ “สองชีวิต” คือชีวิตตามธรรมชาติกับชีวิตที่เราหลงคิด –หลงยึดว่าเป็นตัวเราและของเรา จึงกลายเป็นความขัดแย้งและทำให้เราแปลกแยกกับชีวิตที่จริงแท้ และโลกธรรมชาติทั้งมวล
หรือ...”ความแปลกแยก” ก็คือผลของอาการหลงคิด –หลงยึดว่าเป็นตัวเราและของเรา
ความแปลกแยกนี้...ไม่เพียงสร้างปัญหาความขัดแย้งระหว่างชีวิตที่จริงแท้กับชีวิตที่เราหลงคิด-หลงยึดเท่านั้น แต่มันยังสร้างปัญหาขัดแย้งระหว่างเรากับชีวิตผู้อื่น (ที่หลงคิด-หลงยึดเช่นเดียวกับเรา) ประการสำคัญมันได้สร้างปัญหาขัดแย้งระหว่างชีวิตเรากับโลกธรรมชาติด้วย
เราคิดว่า ชีวิตเราย่อมเป็นของเรา
ชีวิตคนอื่นก็ย่อมเป็นของคนอื่น
โลกธรรมชาติก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง แตกต่างจากตัวเรา
ด้วยเหตุนี้..เราจึงเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ และเห็นใจผู้อื่นน้อยลงทุกที
“ผู้อื่น” ถ้าไม่ใช่ญาติมิตรที่เรารักใคร่ก็เป็นเพียงลูกจ้าง ลูกน้อง เจ้านาย ศัตรู คู่แข่ง ฯลฯ และโลกธรรมชาติก็ไม่ใช่อะไรอื่น หากแต่คือ “ทรัพยากรธรรมชาติ” ที่มีไว้สำหรับเราจะแย่งชิงกันครอบครอง
“สิ่งทั้งปวง”(ธรรม) จึงไม่ได้เป็นสิ่งเดียวกัน แต่เป็นสิ่งที่แยกขาดจากกัน
ชีวิตใครชีวิตมัน
ตัวใครตัวมัน
ใครดีใครได้
ใครร้ายใครอยู่
ใครชนะใครครอบครอง
ทั้งหมดนี้เป็นการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา และกลายเป็นวิถีชีวิต...ที่เราเรียกเสียอย่างสูงส่งว่า “อารยธรรมมนุษย์” !
แต่กระนั้น..ในยามที่ชีวิตของเราคิด พูด ทำผิดพลาด ชีวิตที่จริงแท้ก็คอยเตือน-คอยสอนเราอยู่เสมอ
ด้วยการให้เรา “รู้สึกทุกข์” เพื่อให้เราคิด พูด ทำอย่างถูกต้อง...อันเป็นผลมาจากความคิดที่ถูกต้อง(สัมมาทิฎฐิ) แต่เราก็ไม่เคยสำเหนียกหรือเข้าใจ
ชีวิตที่จริงแท้..จึงเป็นของขวัญอันล้ำค่าสำหรับชีวิตเรา (ที่หลงยึดว่าเป็นเราและของเรา)
(ปีใหม่แล้ว..ผมบอกตัวเองวันละหลายครั้งว่า “ได้ละเลยชีวิตที่จริงแท้มานานแสนนานแล้ว ให้ของขวัญแก่มันบ้าง ด้วยการกลับเข้าไปเยี่ยมเยียนและอยู่กับมันนานๆ” นั่นคือการอยู่กับอาการรู้สึกตัว ไม่ใช่อยู่กับอาการคิดหรือความคิด)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี