ปมร้อนนายกฯคนนอก ...เป้าโจมตีสืบทอดอำนาจ คสช. ...จะเล่นเองหรือคุมกติกาเบ็ดเสร็จ
การประกาศตัวเป็นนักการเมืองเต็มตัว ของ "บิ๊กตู่" พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังจากถูกมองว่าเป็นอีแอบมานาน และการประกาศพร้อมรับตำแหน่งนายกฯคนนอก ไม่ปิดทางตัวเองอีกต่อไป ก็สอดคล้องกับการปรากฏตัวของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ทำเรื่องขอลี้ภัยทางการเมืองในอังกฤษ ตามรอยทักษิณ พี่ชาย โดยยกคำพิพากษาไม่เป็นธรรม ทุกอย่างช่างลงตัวพอดี
การเมืองจากนี้ไป เข้าสู่โหมดการปรองดอง และการเลือกตั้ง ตามโรดแมปปลายปี 61 เริ่มเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น
ขณะที่พรรคการเมือง และนักการเมืองบางคน ที่แสดงตนสนับสนุนทหารเริ่มปรากฏ ทั้งพรรคการเมืองเก่า เช่น พรรคของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน พรรคของตระกูล สะสมทรัพย์ จังหวัดนครปฐม พรรคประชาชนปฏิรูป ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นต้น และพรรคใหม่ๆ ที่กำลังรวมกลุ่มจัดตั้ง เช่น พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคของนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ พรรคของพลตำรวจเอกเสรี เตมียเวศม์ พรรคกำลังท้องถิ่นไทย พรรคของนายเอกพร รักความสุข พรรคเครือข่าย คสช. พรรคเครือข่าย กปปส. ของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ทั้งหมดนี้กำลังเริ่มก่อตัว เตรียมจดทะเบียนพรรคภายในวันที่ 1 มีนาคม สำหรับพรรคใหม่
ส่วนพรรคการเมืองเก่า จะถูกรีเซทเปิดให้สมาชิกสมัครใหม่ ซึ่งจะให้จดทะเบียนในเดือนเมษายน พร้อมกับกฎหมายเลือกตั้ง สส. และ สว. คลอดจากสภา
ยังมีกลุ่มของนักการเมืองเก่าอีกหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มของพรรคความหวังใหม่ กลุ่มนายอุเทน ชาติภิญโญ เป็นต้น ทำให้บรรยากาศการเมืองขณะนี้มีความคึกคักมากขึ้น
"บิ๊กตู่" ถูกมองว่าต้องการสืบทอดอำนาจ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแฉแผนของการสืบทอดอำนาจของ คสช. เป็นขั้นเป็นตอน การประกาศตัวของพลเอกประยุทธ์ ว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัว และไม่ปิดทางตัวเองในการเป็นนายกฯคนนอก ว่าไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย ซึ่งการประกาศแนวทางการเมืองของนายกฯครั้งนี้ น่าจะผ่านการกลั่นกรอง-เตรียมการมาแล้วเป็นอย่างดี นับเป็นการดำเนินการทางยุทธวิธีในการเคลื่อนไหวทางการเมืองตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ ที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่หลังการปฏิวัติรัฐประหาร จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ผ่านแม่น้ำ 5 สาย ในการเคลื่อนไหวหลากหลายรูปแบบ
การจัดทำรัฐธรรมนูญอำนวยต่อการสืบทอดอำนาจ ด้วยการบัญญัติให้สว.ที่มาจากการแต่งตั้ง 250 คน สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และให้ที่ประชุมรัฐสภาสามารถเลือกนายก ฯคนนอก ที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนได้ เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญอีกหลายมาตราที่สนับสนุนการทำงานหลังจากสืบทอดอำนาจ และมีการจัดทำพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอีก 10 ฉบับ โดยเฉพาะในส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระ และการเลือกตั้งที่เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจ และใช้อำนาจต่อไปในอนาคต และแม้ พรบ. ว่าด้วยพรรคการเมืองประกาศใช้แล้ว ก็ไม่ยกเลิกคำสั่ง คสช. ทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ จากนั้นก็ใช้มาตรา 44 ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไข เนื้อหาสาระของกฎหมายพรรคการเมือง โดยเฉพาะการรีเซทสมาชิกพรรค ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนการของการนำไปสู่การสืบทอดอำนาจ
"การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สอดรับกับการสืบทอดอำนาจ หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การตั้งคำถามประเด็นการเมืองให้ประชาชนตอบ 4 ข้อ และ 6 ข้อ รวมถึงการลงพื้นที่ที่มีความถี่สูง มีการอัดฉีดเม็ดเงินการผลักดันโครงการต่าง ๆ จำนวนมาก และเครือข่ายของผู้มีอำนาจหลากหลายฝ่ายได้เดินสายขยายฐานรวบรวมนักการเมือง พรรคการเมือง รวมถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเป็นฐานรองรับการเข้าสู่อำนาจตามยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจ"
การประกาศตัวเป็นนักการเมืองที่มาจากทหาร และไม่ปิดทางตนเอง ในการเป็นนายกฯคนนอก เชื่อว่านับจากนี้ไป อาจมีการใช้มาตรา 44 และใช้อำนาจต่าง ๆ เพื่อขจัดอุปสรรค พร้อมทั้งดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
แต่จะดำเนินการไปสู่เป้าหมายสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขปัจจัยหลายประการ ที่สำคัญที่สุดคือการใช้อำนาจในช่วง 1 ปีกว่า หลังจากนี้ไป จะต้องพิสูจน์ ให้สังคมเห็นว่า ท่านนายกฯและรัฐบาล รวมทั้งบริวารแวดล้อมของท่าน ตั้งใจทำงาน ใช้อำนาจเพื่อส่วนรวม แต่ถ้าใช้อำนาจเพื่อตนเอง และเพื่อพวกพ้อง ปล่อยให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หนทางแห่งการสืบทอดอำนาจจะไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป" นายองอาจ ระบุ
ขณะที่ลูกพรรคเพื่อไทยต่าง ออกมาเรียกร้องให้พรรคการเมืองต่างๆ จับมือกันเพื่อต่อต้านนายกฯคนนอก โดยนายอำนวย คลังผา แกนนำพรรค .."หลังเลือกตั้งนายกฯควรคัดสรรจากพรรคที่ได้คะแนนเสียงสูงสุด โดยมารยาท เป็นคนจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องเลือกคนในรายชื่อที่ทุกฝ่ายยอมรับ หากเป็นเช่นนั้นจะพูดไม่ได้เลยว่า นายกฯมาจากประชาชน.."
ทางด้านนักวิชาการ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้อำนวยการ สถาบันปฏิรูปประเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองปีนี้มีปัจจัยที่ต้องจับตา เพราะอาจเป็นจุดเปลี่ยนการเมือง และทำให้ภาพการเมืองที่สลับซับซ้อนมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น กลุ่มก้อนการเมืองทั้งเก่าและใหม่ หรือพรรคที่สนับสนุน คสช.จะเปิดตัวชัดเจน ที่น่าจับตาจะเห็นการเปลี่ยนร่างแปลงกายของ คสช. เพื่อเตรียมการส่งผ่านอำนาจ
"ปีนี้คงได้เห็นโฉมหน้าของพรรคทหาร หรือพรรคที่สนับสนุนทหาร และที่น่าจับตาคือ การแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้มีอำนาจทางการเมืองมากที่สุดในขณะนี้ จะปรากฏตัวบนเวทีทางการเมืองชัดเจนขึ้น เข้มข้น และไม่เหนียมอายอีกต่อไป.."
"โรดแมปที่อึมครึมเช่นนี้ อาจจะเกิดการเคลื่อนไหวกดดันของพรรคการเมืองเข้มข้นขึ้น ทั้งบนดิน และใต้ดิน เพราะบรรดานักการเมืองถูกเว้นวรรคมา 4 ปี จึงไม่อาจนิ่งดูดายอีกต่อไป ซึ่งอาจกลายเป็นปมเผชิญหน้า-ขัดแย้งในปีนี้ได้เช่นกัน.."
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ก่อตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป ประกาศชัดเจน สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มาจากคนนอก ทั้งนี้ จากนี้ไปนายกฯ จะต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง
การเมืองร้อนฉ่าทันที ที่มีกระแสการต่อต้านนายกฯคนนอก พรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ คำสั่ง คสช. ที่ 35 /2560 ที่มีผลรีเซทพรรคเมือง อย่างไรก็ตาม อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายพิชัย รัตตกุล ได้ออกมาเรียกร้องให้สองพรรคใหญ่ คือพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง เพื่อต่อต้านพรรคทหาร ที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับการขานรับจากพรรคประชาธิปัตย์เท่าที่ควร
นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังอยู่ในความนิยมของสมาชิกพรรค มีข้อเสนอจาก "เปลว สีเงิน" คอลัมนิสต์ แห่งนสพ."ไทยโพสต์" คอการเมืองคนสำคัญเสนอ ให้นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ถอยออกไปช่วงนี้ เปิดทางให้อดีตนายกฯชวน ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพราะมองว่า นายชวน แม้จะอายุ 79 ปี ก็ตาม แต่ในทางการเมือง ยังถือว่าฟิตปั๋ง ไม่เป็นอุปสรรคใด ๆ
"ชวน-อภิสิทธิ บนทางสองแพร่ง..คุณอภิสิทธินั้น มากสัญญา มากสัจจะ มากเงื่อนไข และสะสมความแค้นทั้งเขาทั้งเรา มากเกินไป ถอยออกมาสักพักก่อนเถอะ ตัดสัญญา ตัดเงื่อนไข สลายความแค้น ด้วยการ "เว้นวรรค" ตำแหน่งเจ้าสำนักไว้สักครา ไปฟื้นฟูร่างกาย ไปปรับพลังลมปราณอยู่ในแถวสอง แล้วน้อมเชิญ "ซือแป๋" ของท่านอดีตนายก ฯ ชวน ให้มานำพรรคยามนี้ ถือว่า "ประเสริฐสุด" ตอนหนึ่งของบทความ "เปลว สีเงิน" ไทยโพสต์ฉบับวันอังคารที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา
"คุณอภิสิทธิ์ "อิน" เข้าไปในการเมือง "จมทั้งตัว" มากไป อยากให้ถอยออกมาสักก้าว สองก้าว แล้วใช้ระยะห่างนั้น มองนอก มองใน ด้วยสติและใช้สัมปชัญญะ รับสิ่งที่สติรู้ ..."
การเมืองจากนี้ไป ความขัดแย้ง จะเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย จะต้องออกมาสร้างความปั่นป่วน หากได้รับเลือกตั้งเสียงข้างมาก แล้วไม่มีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาล มีการคาดการณ์ว่า การเมืองอาจจะย้อนยุคไปสู่ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 อีกได้ จากการที่ทหารพยายามจะเข้ามามีอำนาจอีก และในที่สุด ก็ถูกประชาชนออกมาขับไล่ อย่างกรณีพลเอกสุจินดา คราประยูร แต่หลายฝ่ายมองว่า บริบททางการเมืองสมัยนั้น กับปัจจุบันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การก้าวเข้าสู่อำนาจรอบใหม่ของพลเอกประยุทธ์ น่าจะไม่มีปัญหา
ขณะที่มีคำเตือนจาก พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษ ประธานองคมนตรี ต่อ "บิ๊กตู่" เมื่อวันเข้าขอพรปีใหม่ ว่า กองหนุนท่านบิ๊กตู่ ร่อยหรอลงไป แต่อย่างไรก็ตาม สามารถเรียกศรัทธาให้กลับคืนมาได้ หากทำงานให้ดี ประชาชนจะกลับมาสนับสนุนมากขึ้นได้ ขอเป็นกำลังใจให้ บิ๊กตู่ต้องรีบปรับทัพใหม่ให้เป็นความหวังของประชาชนมากขึ้นต่อจากนี้ไป
เช่นเดียวกับ ศจ.ดร. เขียน ธีระวิทย์ นักรัฐศาสตร์อาวุโส จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เขียนบทความ ส่ง สคส. เปิดผนึกถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กำลังใจ "บิ๊กตู่" แม้ว่า จะมีความศรัทธาลดลงไป เมื่อเทียบกับสมัยแรกที่ทำรัฐประหาร ...
"ความศรัทธา ของผม ที่มีต่อท่าน ลดลงอย่างมากในระยะหลัง กระนั้นก็ตาม ผมยังเชื่อว่า ธาตุแท้ของท่านเป็นคนดี ท่านยังสามารถกอบกู้ความศรัทธา ของผมที่เคยมีต่อท่านให้กลับคืนมาได้ ถ้าท่านจะเจียดเวลาสัก 4 นาที ไปนั่งสงบสติอารมณ์ สำรวจความหลังในรอบ 4 ปี ที่ผ่านมาว่า ท่านทำรัฐประหารเพื่อต้องการอำนาจ หรือเพื่อแก้ไขปัญหาของชาติ ท่านต้องการให้รัฐบาล คสช. ทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน หรือพรรคพวก ท่านคิดว่าความมั่นคงของชาตินั้น จะสำเร็จลุล่วงได้ ด้วยน้ำมือของผู้นำทหารฝ่ายเดียว หรือต้องมีพลเรือน ที่มีฝีมือรวมอยู่ด้วย
"การปฏิรูปประเทศของท่านล้มเหลวมาตลอด เพราะใช้คนไม่ถูกกับงาน หรือเพราะท่านต้องการอยู่ในอำนาจยาวนาน เพื่อปฏิรูปให้เสร็จก่อน นโยบายปราบคอรัปชั่นของท่าน จะไปรอดไหม ถ้าท่านปล่อยคนสำคัญในรัฐบาลของท่านเป็นหนอนบ่อนไส้?.."
และถ้าท่านยังเป็นผู้นำรัฐบาล ที่ท่านมีอำนาจเบ็ดเสร็จ รักษากฎเกณฑ์การเลือกตั้ง โดยมีตนเป็นคู่แข่งที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ด้วย ประชาชนและชาวโลกจะมองท่าน ประเทศของท่าน และประชาชนของท่านอย่างไร? ท่านจะมีความสุขในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรี หรืออดีตนายกรัฐมนตรีอยู่อีกหรือไม่? ..."
ดังนั้น หากนายกฯบิ๊กตู่ จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ในฐานะนายกฯคนนอก จะเป็นประเด็นที่ถูกโจมตีหนักว่า มาโดยไม่สง่างาม เอาเปรียบคู่ต่อสู้ทางการเมือง อาจไม่ได้รับการยอมรับ อย่างที่ศจ.ดร. เขียนฝากข้อคิดไว้ ดังนั้นการถอยออกมาเป็นจุดที่ท่านต้องนำไปคิดทบทวน ก่อนเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งในปลายปีนี้ "บิ๊กตู่" จะตอบกับประชาชน สังคม และชาวโลกอย่างไร ในเมื่อตัวเองเป็นผู้ลงมาเล่นเอง คุมอำนาจ-งบประมาณ และเป็นกรรมการคุมกฎกติกาเองทั้งหมด แทนที่จะถอยออกมาให้คนกลางเป็นผู้คุมกติกาในช่วงการเลือกตั้ง จะชอบธรรมและสง่างามกว่าไหม?....
ปฏินันท์ สันติเมทนีดล
วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี