เพียงแค่อาทิตย์เดียวหลังปีใหม่ เฮียทรัมป์ก็ไม่ลดราวาศอกในการสร้างปัญหาให้โลก นับตั้งแต่ป่วนปัญหาเยรูซาเล็มซึ่งทำให้ทะเลาะกันวายป่วงหนักกว่าเก่า สร้างความร้าวฉานทั้งแผ่นดินอาหรับ แถมสหประชาชาติยังไม่เล่นด้วย แต่ดูเหมือนว่าลุงแกจะไม่เข็ดหลาบแต่อย่างใด กลับยื่นปากไปแส่เรื่องร้อนๆ ในอิหร่านเพิ่มอีก ทั้งที่การประท้วงในอิหร่านดุเดือดเลือดพล่านมากจนมีคนตายไปนับสิบ
แทนที่จะอยู่เฉยๆ สงบปากไว้กินแฮมเบอร์เกอร์ ลุงกลับทวีตเสียดสีอิหร่านทำนองว่าอิหร่านเป็นประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย และละเมิดสิทธิมนุษยชนมากมายแบบเกิดขึ้นรายชั่วโมง
ขู่ว่าลุงแซมกำลังจับตามองอิหร่านอยู่นะ แถมตบตูดว่าถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว คือลุงไปยุ่งอะไรกับเหตุการณ์ในบ้านเมืองคนอื่นเล่า เล่นเอาประชาชนชาวอิหร่านโกรธจนตัวสั่น กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านออกมาตอบโต้ว่าทรัมป์ควรหันไปให้ความสนใจกับคนเร่ร่อนและประชาชนผู้หิวโหยในอเมริกาดีกว่า
ดูเหมือนหนังหน้าลุงทรัมป์หนากว่าเกือกยี่ห้อใดในโลก แทนที่จะยี่หระ กลับหันไปล่อประเทศมุสลิมอีกประเทศหนึ่งแทนคือปากีสถานว่าเป็นชาติที่โกหกหลอกลวง และให้ที่กบดานแก่ผู้ก่อการร้าย แล้วมาฟอร์มเดิมคือขู่ว่าจะตัดงบความช่วยเหลือ เล่นเอาปากีสถานนั้นเต้นผางถึงขึ้นเรียกเรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เข้าพบด่วนเลยทีเดียว
แต่ที่ฮาสุดในสายตาชาวโลกคือ การที่อาตี๋คิมออกมาประกาศว่าพร้อมกดปุ่มนิวเคลียร์ได้ทุกเมื่อ ลุงทรัมป์ไม่ยอมน้อยหน้าในเรื่องนี้ ออกมาคุยโวลั่นโลกว่า “ปุ่ม” กดนิวเคลียร์บนโต๊ะทำงานทำเนียบขาวทั้งใหญ่และมีอานุภาพมากกว่าของอาตี๋คิมเสียอีก และที่สำคัญปุ่มนิวเคลียร์ของทรัมป์นั้นใช้การได้ดีเลยแหละ
ชาวโลกที่เป็นเอเซียมุง แขกมุง คนดำมุงและฝรั่งมุงทั้งหลายอ่านข่าวนี้ไปก็หัวเราะกันพุงแทบแตก หู้ยยยย นี่ลุงโชว์เหนือมากไปหรือเปล่า แถมฟังดูแล้วมีความหมายระหว่างบรรทัดชอบกล ทำนองว่า “ของ” ลุงนั้นใหญ่กว่ายาวกว่าและยังใช้การได้แจ๋ว ฟังดูเหมือนไอ้พวกหนุ่มรุ่นกระทงอวดกันในห้องน้ำนักเรียนชายเลยนะเนี่ย
ในช่วงที่ชาวโลกกำลังหรรษาข่าวฮารายวันกับลุงทรัมป์ มะริกันชนโดยเฉพาะคนที่อยู่รัฐทางตอนเหนือถึงกับฮาไม่ออก เพราะเจออากาศหนาวแบบวิกฤติและมาแบบจู่โจม เรียกว่ากระหน่ำเข้ามาหลังปีใหม่แบบทันทีทันใด ทำให้ไม่มีเวลาตระเตรียมซื้อหาอาหารมาตุนไว้ท่ามกลางออุณหภูมิที่หนาวขนาด -40 เซลเซียส ลำบากกันทั่วหน้า เพราะเพิ่งจะฉลองปีใหม่กันอย่างชื่นมื่น แต่กลับเจอพายุหิมะกระหน่ำจนออกนอกบ้านไม่ได้
ความวิปริตผิดปกตินี้กระจายลงไปถึงเท็กซัสและฟลอริด้า ทั้งที่สองรัฐนี้ไม่เคยมีหิมะเลย ฟลอริด้านี่อากาศสบายๆ คล้ายเมืองไทยเรานี่แหละ แต่คนฟลอริด้าต้องตระหนักตกใจเมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วพบว่าทั้งเมืองขาวโพลนไปด้วยหิมะ เล่นเอาชาวเมืองในรัฐฟลอริด้าตอนเหนือตื่นเต้นยกใหญ่โพสต์รูปอวดกันในโซเชียลมีเดีย แต่คนอเมริกันทางตะวันออกเฉียงเหนือและมิดเวสต์ไม่ตื่นเต้นด้วย เพราะพายุหิมะที่ถล่มใส่ทำให้อุณหภูมิติดลบ -40 เซลเซียส ซึ่งอยู่ในภาวะอันตรายต่อชีวิตหากออกนอกบ้าน
หลายรัฐจ่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากพายุหิมะและอุณหภูมิติดลบ รวมทั้งรัฐที่ดิฉันอยู่ด้วย ลำพังแค่หิมะตกก็ลำบากพอตัวอยู่แล้ว เจอลมแรงและอากาศหนาวขนาด -40 เซลเซียสนี่ถึงขั้นประกาศภาวะฉุกเฉิน ปิดถนนและปิดโรงเรียนกันเลย เพราะไม่มีใครสามารถไปไหนมาไหนได้ ผู้คนล้มป่วยกันระนาว รวมทั้งคนเขียน เพราะอากาศหนาวแบบฉับพลันไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทุกปี แต่อากาศวิปริตแปรปรวนขนาดนี้เลยงอมพระรามกันทั่วหน้า
ความหนาวขนาดนี้ส่งผลให้น้ำตกไนแองการ่ากลายเป็นน้ำแข็ง หิมะโหมตกลงมาอย่างหนักในอัตราหลายนิ้วต่อชั่วโมง พายุหิมะทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ทั้งหมดนี้เป็นผลจาก “บอมโบเจเนซิส”(Bombogenesis) หรือ “ระเบิดสภาพอากาศ” (Bomb Cyclone) ซึ่งหมายถึงพายุไซโคลนความกดอากาศต่ำที่ปกติแล้วจะเกิดขึ้นตลอดแนวชายฝั่งด้านตะวันออกทุกช่วงฤดูหนาว เพียงแต่ครั้งนี้มีความรุนแรงมากกว่าทุกปี และมวลอากาศอาร์กติกจะปกคลุมพื้นที่ 2 ใน 3 ของภาคตะวันออกและมิดเวสต์ตลอดสัปดาห์
ความหนาวเย็นจากแรงปะทะของลมส่งผลให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ถนนหลายสายมีน้ำแข็งปกคลุมทำให้ผู้คนนับหมื่นไม่มีไฟฟ้าใช้ กระทบต่อการเดินทางทุกรูปแบบ ไม่ว่าทางถนน ทางเรือ ทางรถไฟหรือเครื่องบินท่ามกลางความหนาวเหน็บมีคนตายไปแล้วสิบกว่าคน เที่ยวบินถูกยกเลิกนับพันเที่ยว ที่น่ากลัวที่สุดคือ น้ำทะเลซัดสาดขึ้นมาท่วมรถบนถนนและชายฝั่ง แล้วกลายเป็นน้ำแข็งทันที ทำให้รถจำนวนมากถูกฝังอยู่ในน้ำแข็งครึ่งคัน ต้องเร่งช่วยเหลือคนที่คิดค้างอยู่ในรถให้ออกมา
ในท่ามกลางวิกฤติและเดือดร้อนกันทั่วหน้าเช่นนี้ แทนที่ลุงทรัมป์จะทำหน้าที่ให้ประชาชนอุ่นใจ ลุงกลับทวีตข้อความแขวะทฤษฎีโลกร้อน โดยอ้างว่าคลื่นความหนาวเย็นที่พัดกระหน่ำภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือขณะนี้คือหลักฐานชี้ชัดว่าการถอนตัวจากข้อตกลงปารีสนั้นถูกต้องแล้ว พลางตบท้ายให้สวมเสื้ออุ่นๆ แล้วลุงก็ไปสังสรรค์ลั้นลาในคฤหาสน์หรูของลุงต่อในฟลอริด้า
ทรัมป์เชื่อว่าทฤษฎีโลกร้อนเป็นแค่คำขู่ลวงโลกของจีน จากนั้นก็นำอเมริกาถอนยวงออกมาจากข้อตกลงภูมิอากาศปารีสเมื่อปี 2015ว่าด้วยการลดไอเสียเพื่อขจัดต้นตอของภาวะโลกร้อน อันเป็นข้อตกลงที่สำคัญมากในการอยู่ร่วมกันทางด้านสิ่งแวดล้อม 197 ประเทศทั่วโลกได้พร้อมใจกันลงนามรับรองข้อตกลงดังกล่าวที่ปารีส เพราะนาทีนี้ทั้งโลกต่างรู้เรื่องโลกร้อนอันเกิดจากภาวะเรือนกระจก จึงหันหน้าปรึกษากันเพื่อร่วมมือในการลดก๊าซอันทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก อันทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยประเทศที่ก่อปัญหาก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่อันดับหนึ่งคือ จีน และอันดับสองคืออเมริกา ทั้งสองประเทศปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกรวมกันเป็นสัดส่ถึง 40 เปอร์เซนต์ เรียกว่าแทบจะครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
แทนที่จะร่วมมือกับชาวโลก เพราะลุงแซมถือเป็นตัวการใหญ่ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พี่ทรัมป์ กลับหลังหันสุดตัวแล้วประกาศก้องว่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้นเป็นเพียง “การโกหกหลอกลวง” ที่จีนสร้างขึ้นมา เท่านั้นยังไม่สะใจโก๋ พี่ทรัมป์อยากชุบชีวิตอุตสาหกรรมถ่านหินของอเมริกาขึ้นมาใหม่แม้ถ่านหินถือเป็นแหล่งพลังงานที่สกปรกและสร้างมลพิษร้ายสำคัญก็ตาม ไม่ใช่เรื่องอะไรในกอไผ่ ทรัมป์มีหุ้นอยู่ในธุรกิจน้ำมันและถ่านหินนั่นเอง
จากนั้นก็เดินสะบัดก้นถอนยวงออกจากข้อตกลงภูมิอากาศปารีส ปี 2015 ที่ทั้งโลกร่วมมือกันแก้ปัญหาโลกร้อน ท่ามกลางเสียงด่าระงมจากชาวโลก
ความผิดปกติของสภาวะอากาศไม่ว่าร้อนเกินไปหรือหนาวเกินไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของเราทุกคนทั้งสิ้น การที่ทรัมป์ออกมาทำเนียนว่าการที่อากาศหนาวจัดผิดปกติไม่เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนแสดงให้เห็นถึงความไม่มีภาวะผู้นำอย่างร้ายแรง และเพิกเฉยต่อประชาชนในประเทศตนเอง แต่เชื่อว่าลุงแกคงไม่ให้ความสำคัญกับความเป็นความตายของประชาชนมากเท่าตัวแกเองหรอก เพราะนาทีนี้ลุงทรัมป์กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับหนังสือบางเล่มที่มีคนเขียนแฉ “สันดาน” ทรัมป์ในทำเนียบขาว เล่นเอาลุงดิ้นเร่าๆ ออกมาด่าทอคนเขียนไม่เว้นแต่ละวัน พลางยกตัวเองว่าเก่งที่สุดฉลาดที่สุดในสามโลก คนอเมริกันและชาวโลกจะคาดหวังอะไรกับผู้นำเส็งเคร็งเช่นนี้ได้ นอกจาก “ทำใจ”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี