ว่ากันว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ นายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่าง ออกแบบไว้สำหรับ นายกรัฐมนตรีคนนอก
ใครคือคนนอก ?
คนนอกที่เข้าใจกันก็คือ นอกสภา หรือไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั่นเอง
ธรรมเนียม หรือกฎเกณฑ์ ที่นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นเกิดขึ้นหลังจาก ที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อจาก พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ โดยที่ท่านพลเอกเปรม ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นผู้แทนราษฎร แต่ท่านเป็นผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งพรรคการเมืองใหญ่ๆ ในขณะนั้น คือพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย สนับสนุน
ส่วนวุฒิสภาที่ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ตั้งเอาไว้ ไม่มีปัญหา เมื่อพลเอกเกรียงศักดิ์ลาออก และมีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มาแทน วุฒิสภาซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เป็นทหาร ตำรวจ ข้าราชการระดับอธิบดี ปลัดกระทรวงและมีพ่อค้า นักธุรกิจอยู่ไม่กี่คน ก็หันมาสนับสนุน พลเอกเปรม
ท่านเป็นนายกอยู่หลายสมัยจนผู้คนเริ่มเบื่อ เรียกหานายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งก็ได้สมใจ จนกระทั่ง นายบรรหาร ศิลปอาชา ก็เป็นได้ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ่งเป็นได้ง่ายกว่า
มาวันนี้รัฐธรรมนูญ เปิดช่องไว้สำหรับคนนอก คือคนที่ไม่ต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง และไม่ต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
บางคนบอกว่า เปิดช่องไว้สำหรับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
อาจเป็นได้ แต่ก็มิใช่เสียทีเดียว
ใครก็ได้ครับที่ได้รับเสียงข้างมากในสภาจะเป็นผู้แทนราษฎรก็ได้ ไม่เป็นก็ได้ ถ้าสามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากผู้แทนราษฎรได้ข้างมาก และมั่นใจว่าวุฒิสภาจะโหวตให้
แต่อย่าได้หวังพึ่ง วุฒิสภา 250 คนที่มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเชียวนะครับ
ตกม้าตายเอาง่ายๆ!
การประชุมรัฐสภา หรือการประชุมร่วมระหว่างสภาผู้แทนราษฎร นั้นมีไม่กี่ครั้ง ไม่กี่วาระหรอกนะครับ ส่วนใหญ่ก็แยกกันประชุม
ถ้าไม่ได้รับเสียงสนับสนุน (เสียงส่วนใหญ่) จากสภาผู้แทนราษฎร แล้วก็ไปไม่ตลอดรอดฝั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณางบประมาณแผ่นดิน
สภาผู้แทนตีตกไปวาระแรก รัฐบาลก็ล่มแล้วครับ
จอมพลถนอม กิตติขจร ก็เคยเป็นทั้งนายกรัฐมนตรีที่มาจากการปฏิวัติ และเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก คือเป็นหัวหน้าพรรค ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง
มีเสียงสนับสนุนจากพรรคสหประชาไทย ที่จอมพลถนอม เป็นหัวหน้าพรรคและไปดึงพรรคเล็ก และกลุ่ม ส.ส.อิสระ (ไม่สังกัดพรรค) มาสนับสนุน โดยที่มีวุฒิสภา ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากสภากลาโหม แต่ถึงที่สุดแล้วก็ไปไม่รอด
เพราะเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มาจากกาคปฏิวัติ กับ นายกรัฐมนตรี ที่มีสภาผู้แทนราษฎร ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นนายกรัฐมนตรีจากคณะปฏิวัติ ฟังคณะปฏิวัติซึ่งตัวเองเป็นหัวหน้าอยู่แล้วอย่างเดียว มาเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องเจอทั้งกระทู้ถาม เจอญัตติต่างๆ ซึ่งสมาชิกเขาไม่มานั่งเกรงอกเกรงใจ เหมือนสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือสภานิติบัญญัติ ที่คณะปฏิวัติตั้งมากับมือ
เขาถือว่ามาจากประชาชน ประชาชนเลือกมา
ส่วนภายในพรรค หรือภายในรัฐบาลที่ไปดึงเขามาสนับสนุน ก็ต้องประนีประนอม ต้องแบ่งปันผลประโยชน์ให้ลงตัว ไม่เช่นนั้น เขาก็ไม่สนับสนุน
เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะในฐานะคนนอก หรือคนในไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะครับ
ยิ่งถ้า เอ๋อๆ โง่ๆ แล้วได้มาเป็น นั่นยิ่งไม่ธรรมดานะครับ เพราะสามารถทำให้ส่วนใหญ่ของผู้แทนราษฎร เป็นควายได้ นี่ธรรมดาเสียที่ไหน ?
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี