เกือบ 4 ปีหลังการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
นอกจากจะทำให้ระบอบทักษิณที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาอ่อนกำลังลงอย่างหนักแล้ว ยังมีแนวโน้มที่พรรคเพื่อไทยจะแพแตกทั้งจากผลกรรมคดีต่างๆในอดีตตลอดจนกลุ่มอดีตส.ส.ที่ทั้งถูกกดดันและเตรียมย้ายพรรคเพื่ออนาคตของตัวเอง
ความเคลื่อนไหวที่สะท้อนการดิ้นรนเอาตัวรอดจากการตายหมู่ทางการเมืองเมื่อคณะอนุกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ที่มีน.ส.สุภา ปิยะจิตติเป็นประธานกำลังใกล้จะสรุปผลการไต่สวนลงดาบเชือด 40 อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ร่วมในปฏิบัติการหักดิบผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย โดยหลังการสรุปของคณะอนุกรรมการก็จะชงเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการป.ป.ช.เพื่อชี้ชะตาเป็นขั้นตอนต่อไป
พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์อ้างการสร้างความปรองดองบังหน้าแต่แฝงด้วยเป้าหมายที่แท้จริงมุ่งที่จะลบล้างโทษความผิดให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก เพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆโดยไม่ต้องติดคุกในคดีทุจริตตามคำพิพากษาของศาล โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์เหิมเกริมลุแก่อำนาจใช้พวกมากหักดิบผ่านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมและละเมิดรัฐธรรมนูญตลอดจนข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฏรอย่างเหิมเกริมจนเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนหลายล้านคนออกมาแสดงพลังคัดค้านขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
บรรดาแกนนำและอดีตส.ส.พรรรเพื่อไทยต่างดาหน้าออกมาพยายามเบี่ยงเบนประเด็นโจมตีว่าการเตรียมเอาผิดกับ40 อดีนส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ร่วมเป็นคณะกรรมาธิการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยเป็นเกมกลั่นแกล้งทางการเมืองของคสช. แต่ นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นอดีตกรรมาธิการ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยเสียงข้างน้อยที่คัดค้านการหักดิบของกรรมาธิการเสียงข้างมากที่มาจากพรรคเพื่อไทยชี้ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมืองเพราะเกิดก่อนที่คสช.จะเข้ายึดอำนาจ แต่เป็นเรื่องกฏแห่งกรรมที่พรรรเพื่อไทยยามมีอำนาจแสดงความเหิมเกริมไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสภา ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับและรัฐธรรมนูญ เชื่อฟังแต่คำสั่งของ นายทักษิณ มากกว่ากฏหมายบ้านเมืองผลจึงออกมาเช่นนี้
นายวัชระ ชี้ว่าในช่วงที่พรรรคเพื่อไทยหักดิบผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยเหิมเกริมถึงกับเดินเกมกลั่นแกล้งปิดปากไม่ยอมให้ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายคัดค้านกฏหมายฉบับนี้ในสภา โดยมีเจตนาแอบแฝงเพื่อผลักดันกฏหมายลบล้างโทษความผิดทั้งหมดให้กับ นายทักษิณ และเปิดช่องทางให้ นายทักษิณ ได้เงิน 46,000 ล้านบาทที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินฐานร่ำรวยผิดปกติคืน
การที่พรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะกลุ่ม 40 อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ถูกคณะอนุกรรมการป.ป.ช.เตรียมชี้ชะตาความผิดพยายามออกมาเคลื่อนไหวดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์เนื่องจากหากป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางหนึ่งนอกจากจะต้องถูกยื่นเรื่องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งอันจะทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีโดยปริยายแล้ว ยังมีสิทธิถูกฟ้องดำเนินคดีทางอาญาซึ่งหากมีความผิดจริงก็ถึงขั้นติดคุกและหมดสิทธิ์เล่นการเมืองไปตลอดชีวิต
นอกจากกรณีหักดิบผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยแล้วบรรดาอดีตรัฐมนตรี แกนนำ และอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนมากล้วนมีคดีติดตัวทั้งที่อยู่ในขั้นตอนรอการชี้มูลความผิดของป.ป.ช. และศาลหลายต่อหลายคดี รวมทั้งคดีที่คณะรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกฟ้องกรณีใช้อำนาจโดยพลการจ่ายเงินเยียวยาแก่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองช่วงเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 เป็นเงินกว่า 1,000 ล้านบาททั้งๆที่ไม่มีกฏหมายรองรับ ซึ่งคดีนี้ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการรอชี้มูลความผิด ซึ่งกรณีนี้มีโทษทั้งทางอาญา ทางการเมือง และต้องชดใช้ความเสียหายคืนแก่แผ่นดิน
จากสถานการณ์ที่กรรมทะยอยตามเช็คบิลบรรดาอดีตรัฐมนตรี แกนนำ และอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยจากการลุแก่อำนาจ ประกอบกับจนขณะนี้ทั้งๆที่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่พรรคเพื่อไทยกลับยังไร้ผู้นำพรรคตัวจริงที่จะมาขับเคลื่อนพรรค ทำให้ขณะนี้พรรคเพื่อไทยอยู่ในภาวะระส่ำไร้ทิศทางการนำ ขณะที่อดีตส.ส.พรรคเพื่อแม้วบางกลุ่มเริ่มลังเลมองหาลู่ทางย้ายสังกัด บางกลุ่มถูกกดดันหรือดูดให้แยกตัวออกจากพรรคเพื่อไทย และบางกลุ่มออกมาสร้างค่าตัวต่อรองขอท่อน้ำเลี้ยงจากนายใหญ่หากคิดจะฟื้นระบอบทักษิณกลับมายึดครองประเทศอีกครั้ง
จากสภาพของพรรคเพื่อไทยปัจจุบันล้วนเป็นนักการเมืองหน้าเดิมที่ล้วนมีชะนักปักหลังและหลายคนเป็นอดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่ร่วมในเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองและเกี่ยวข้องกับขบวนการคิดล้มเจ้า ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจนั่นเท่ากับประเทศกลับไปสู่วังวนของวรจรอุบาทว์อันเลวร้ายที่เป็นต้นเหตุวิกฤติชาติแบบเดิมๆ
ความเสื่อมและไร้การนำของพรรคเพื่อไทยยังสะท้อนให้เห็นจากการที่ก่อนหน้านี้บรรดาอดีตแกนนำและอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยไร้ทิศทางถึงกับต้องหันไปพึ่งบุคคลที่ล้มละลายทางการเมืองด้วยการยกขบวนไปอวยพรปีใหม่สองนักการเมืองรุ่นปู่อย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ นายเสนาะ เทียนทอง หวังปลุกขวัญพลพรรคและสร้างจุดขาย
ขณะที่พรรคเพื่อไทยพยายามดิ้นรนเคลื่อนไหวหวังฟื้นคืนชีพ อำนาจรัฐคสช.ยังคงความได้เปรียบและสามารถควบคุมสถานการณ์และพยายามเดินเกมโดดเดี่ยวพรรคเพื่อไทย ด้วยการดึงพรรคและกลุ่มการเมืองต่างๆ รวมทั้งจกภายในพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นพวกเพื่อผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในอำนาจอีกยาวนาน
ดังนั้นแนวโน้มอนาคตของพรรคเพื่อไทยดูแล้วอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก อย่าว่าแต่คิดกลับมายิ่งใหญ่ แค่เอาตัวรอดไม่ให้พรรคแพแตกก็เหนื่อยแล้ว และแม้แต่คนในตระกูลนายใหญ่ระบอบทักษิณเองขณะนี้ต่างถูกคดีตามเช็คบิลจนแทบเอาตัวไม่รอด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี