อำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.ในปีที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าสะท้อนภาวะเสื่อมของอำนาจรัฐคสช.อย่างที่ไม่ควรจะเป็นทั้งๆที่ช่วงแรกหลังการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของคสช.เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ได้รับเสียงแซ่ซร้องสนับสนุนจากคนทั้งประเทศ
คำถามคืออะไรเป็นสาเหตุของภาวะขาลงของอำนาจรัฐคสช. ซึ่งปัจจัยอันเป็นจุดพลิกผันสำคัญที่เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดสะบั้นเพาะเชื้อวิกฤติศรัทธาต่อรัฐบาลเกิดขึ้นหลังจากที่เกิดกรณีอื้อฉาวนาฬิกาหรู 25 เรือนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ที่อ้างว่ายืมเพื่อนมาใส่และคืนไปหมดแล้ว ซึ่งก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธาในหมู่มหาชนต่อความไม่น่าเชื่อถือในข้ออ้างของ พล.อ.ประวิตร เลยไปถึงสงสัยในที่มาของนาฬิกาหรูทั้ง 25 เรือนที่อาจเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบโดยไม่แสดงทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)
ทั้งนี้หนึ่งในวาระแห่งชาติเพื่อการปฏิรูปประเทศของอำนาจรัฐคสช.ก็คือการต่อต้านขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบภายใต้หลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใสรวมทั้งให้ทุกฝ่ายยึดหลักฏหมาย แต่กรณีนาฬิกาหรูของ พล.ต.อ.ประวิตร กลับสร้างรอยด่างให้กับอำนาจรัฐคสช.ส่อไปในทางว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
วิกฤติศรัทธาของมหาชนลุกลามบานปลายมากขึ้นเมื่อ ป.ป.ช.ซึ่งได้รับการร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร กลับถูกตั้งข้อสังเกตุจากกระแสสังคมว่าส่อไปในทางยื้อและปกป้อง พล.อ.ประวิตร เนื่องจากประธานป.ป.ช.คือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ซึ่งเคยเป็นลูกน้องคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร และถูกตั้งข้อสังเกตุว่าได้รับการผลักดันขึ้นเป็นประธานป.ป.ช.ก็ด้วยอิทธิพลแรงหนุนของพล.ต.อ.ประวิตร
วิกฤติศรัทธายังลุกลามไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ และคสช.เนื่องจากถูกมองว่าเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆเพื่อให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อกรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในกรณีนาฬิหรูของ พล.อ.ประวิตร ทำให้แม้แต่บุคคลสำคัญที่เคยเป็นกองหนุนของคสช.หลายต่อหลายคนรับไม่ได้และเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร ลาออกเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมรักษาศรัทธาของมหาชนที่มีต่อคสช.และรัฐบาลที่ถูกมองว่าเห็นแก่เพื่อนพ้องน้องพี่มากกว่าความถูกต้อง
วิกฤติศรัทธากรณีนาฬิกาฉาวของ พล.อ.ประวิตร ยังกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ทำให้ขบวนการที่จ้องล้มอำนาจรัฐคสช.ฉวยโอกาสใช้เป็นเงื่อนไขสุมไฟให้เกิดกระแสบ่อนทำลายอำนาจรัฐคสช.ในวงกว้าง
วิกฤติขาลงของอำนาจรัฐคสช.ที่ทำให้แม้แต่กองหนุนเริ่มถอยห่างมากขึ้นเรื่อยๆยังมีสาเหตุจากการที่มหาชนได้ฝากความหวังไว้กับอำนาจรัฐคสช.ในการเข้ามาปฏิรูปบ้านเมืองครั้งใหญ่ด้วยการขุดรากถอนโคนพรรคธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมและขบวนการอันชั่วร้ายที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาให้หมดสิ้นไป รวมทั้งปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างยั่งยืน แต่เกือบ 4 ปีที่ผ่านมาของอำนาจรัฐคสช.สะท้อนให้เห็นว่าการปฏิรูปทำท่าจะเสียของ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปการเมือง การปฏิรูปตำรวจ การปฏิรูประบบราชการ หรือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานรากก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
การปฏิรูปตำรวจและระบบราชการส่อเค้าว่าจะเสียของสะท้อนจากพฤติกรรมกรทุจริตประพฤติมิชอบในวงการตำรวจและระบบราชการที่ยังคงมีอยุ่แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากก่อนการยึดอำนาจของคสช. ขณะที่ข้าราชการซึ่งเป็นเส้นสายของกลุ่มอำนาจเก่าจำนวนไม่น้อยที่ยังมีอำนาจฝังตัวอยู่ในแทบทุกหน่วยราชการรัฐวิสาหกิจใส่เกียร์ว่างและคอยเจาะยางอำนาจรัฐคสช.
ซ้ำขบวนการอำนาจเก่าอันชั่วร้ายยังคงเคลื่อนไหวอย่างลอยนวลท้าทายและบ่อนทำลายอำนาจรัฐคสช.อย่างเหิมเกริม ขณะที่ตัวการใหญ่ของกลุ่มอำนาจเก่ายังหลบหนีโทษความผิดหลังจากที่สร้างความย่อยยับให้กับประเทศไปบงการและเสพสุขอยู่ในต่างแดนอย่างลอยนวล ส่วนฐานอำนาจอิทธิพลของกลุ่มอำนาจเก่ายังคงกล้าแข็งไม่ได้ถูกสลายตั้งแต่แรกทำให้กลุ่มอำนาจเก่ามีโอกาสที่จะฟื้นคืนชีพกลับมามีอำนาจทำร้ายประเทศอีกครั้งผ่านการเลือกตั้งครั้งหน้าภายใต้ภาวะขาลงของอำนาจรัฐคสช.
แนวโน้มอนาคตสถานการณ์บ้านเมืองสำหรับมวลมหาประชาชนจึงอยู่ในภาวะอึมครึมน่าอึดอัดเหมือนหนีเสือปะจระเข้ เพราะการที่มวลมหาประชาชนหลายล้านคนออกมาแสดงพลังครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เพื่อขับไล่รัฐบาลทรราชย์ธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมจนประสบความสำเร็จก็ด้วยความหวังที่ว่าอำนาจรัฐคสช.จะเข้ามาปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ แต่จากพฤติกรรมของคนในอำนาจรัฐคสช.นับวันจะถูกตั้งข้อสังเกตุว่าแทบ
จะไม่ต่างจากอำนาจอันเลวร้ายในอดีตรวมทั้งข้อสงสัยที่ว่าการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ทำเพื่อชาติบ้านเมืองหรือเพื่ออำนาจผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มกันแน่ ซึ่งวิกฤติศรัทธาต่ออำนาจรัฐคสช.ถือเป็นสัญญาณอันตรายเพราะจะเปิดช่องให้กลุ่มอำนาจเก่าอันชั่วร้ายมีโอกาสกลับมายึดครองประเทศนำพาบ้านเมืองกลับไปสู่วังวนวงจรอุบาทว์แบบเดิมๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี