เนื่องจากช่วงนี้เทศกาลมงคลมาชนกันปังๆ ทั้งฝรั่งทั้งจีนคือวันวาเลนไทน์และวันตรุษจีนมาชนกันโดยไม่ได้นัดหมายเลยอยากจะขอเบรคเรื่องการเมืองบ้านลุงแซมไว้สักพักแล้วชวนคุยเรื่องราวในประวัติศษสตร์อเมริกาแทนถ้าเอ่ยชื่อเจ้าหญิงอินเดียนแดง “มาโตอาคา”เชื่อว่าหลายคนคงไม่รู้จักเท่าอีกชื่อ “โพคาตอนตัส”ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันในประวัติศาสตร์อเมริกาและเมื่อวอลล์ดิสนีย์นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูน จึงทำให้โลกรู้จักเจ้าหญิงอินเดียนแดงคนนี้น้อยคนที่จะรู้ว่าชีวิตจริงของเจ้าหญิงมาโตอาคาไม่ได้สวยงามหวานชื่นอย่างที่เห็นในภาพยนตร์การ์ตูนแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับโหดร้ายและขมขื่นอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียวชะตากรรมลูกสาวหัวหน้าเผ่าแสนเศร้าอย่างยิ่งเรื่องราวของโพคาฮอนตัสเริ่มต้นขึ้นในช่วงก่อตั้งอาณานิคมเจมส์ทาวน์อันเป็นอาณานิคมแห่งแรกของอังกฤษในโลกใหม่ก่อนที่จะกลายเป็นอเมริกาในวันนี้ก่อนหน้าที่โคลัมบัสจะแล่นเรือมายังแผ่นดินที่เรียกว่า “อเมริกา”ในปัจจุบัน ดินแดนนี้เป็นที่อยู่ของอินเดียนแดงมานานนับพันปี จนในปีค.ศ.700 ชาวไวกิ้งแล่นเรือมาพบทวีปนี้จึงถือเป็นชาวยุโรปพวกแรกที่มาเยือน
นับจากนั้นมาก็ไม่ปรากฎว่ามีนักสำรวจชาติใดไปเยือนทวีปอเมริกาเหนืออีกเลยโคลัมบัสกับลูกเรืออีก 88 คนออกเดินทางในวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ.1492 และนำเรือเทียบท่าดินแดนที่ไม่เคยมีผู้ใดค้นพบมาก่อน เมื่อวันที่ 12ตุลาคม คศ. 1492 โคลัมบัสเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า “ซาน ซัลวาดอร์” (SanSalvador) แปลว่า “พระเจ้าช่วย” ซึ่งปัจจุบันคือ "เกาะบาฮามาส "ต่อมาในปี ค.ศ.1499-1502 นักเดินเรือสัญชาติเดียวกับโคลัมบัสชื่ออเมริโก เวสปุชชี่ รับจ้างสเปนมาสำรวจดินแดนในอเมริกาอเมริโกรายงานว่าดินแดนที่ค้นพบนี้ไม่ใช่อินเดียหรือจีนแต่อย่างใดแต่เป็นดินแดนที่ยังไม่ได้รับการสำรวจมาก่อนรายงานของอเมริโกได้รับการตีพิมพ์อย่างแพร่หลายนับแต่นั้นมานักภูมิศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ก็เรียกดินแดนแห่งนี้ว่า“อเมริกา”
หลังจากนักสำรวจชาวยุโรปเดินเข้ามาสู่อเมริกาเหนือชาวยุโรปก็หลั่งไหลเข้ามาในดินแดนแห่งนี้อย่างไม่ขาดสายเพื่อลงหลักปักฐานสร้างชุมชนบนดินแดนใหม่ โดยเฉพาะห้าชาติจากยุโรปคืออังกฤษ สเปน ฮอลแลนด์ โปรตุเกส และฝรั่งเศส แต่การเข้ามาประกาศว่า“จอง” ที่ดินไม่ใช่เครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงตามความคิดของชนชาติยุโรปในยุคนั้นคือจะต้องนำพลเมืองจากประเทศแม่เข้ามาก่อตั้งอาณานิคมอย่างชัดเจนถึงจะประกาศว่าเป็นเจ้าของดินแดนซึ่งจะว่าไปแล้วแผ่นดินที่เข้าไปจับจองล้วนเป็นแผ่นดินเกิดของอินเดียนแดงทั้งสิ้น แต่ทั้ง 5 ชาติก็ไม่สนใจการดำรงอยู่ของชนเผ่าเหล่านั้นนอกจากคิดแต่ว่าจะลำเลียงผู้คนมาลงหลักปักฐานบนแผ่นดินใหม่ให้ได้มากที่สุด
ช่วงปลายศตวรรษที่ 16อังกฤษก้าวขึ้นสู่ความเป็นเจ้าแห่งการเดินเรือเริ่มตื่นตัวทางการค้าและการตั้งอาณานิคมในดินแดนต่างๆเพราะเห็นว่าประเทศแถบยุโรป โดยเฉพาะสเปน “ปล้น”ดินแดนอื่นจนมั่งคั่งร่ำรวยไปตามกันอังกฤษเลยอยากได้ทรัพย์สินจากดินแดนแปลกหน้าเช่นนั้นบ้างจึงเกิดความคิดที่จะตั้งอาณานิคมของตนในดินแดนอื่นทั่วโลกรวมทั้งในอเมริกาด้วยการที่อังกฤษกลายเป็นเจ้าแห่งการเดินเรือส่งผลให้ชาวอังกฤษมองหาโอกาสดีๆในชีวิตการเดินทางมาเป็นชาวอาณานิคมหมายถึงการได้รับที่ดินและโอกาสในการทำมาหากิน ประจวบกับในเวลานั้นเกิดปัญหาภายในประเทศมากมายจึงทำให้ชาวอังกฤษตัดสินใจเดินทางมาแสวงหาโอกาสบนแผ่นดินใหม่หลังจากที่อังกฤษพยายามก่อตั้งอาณานิคมมาก่อนหน้านี้ถึงสองหนแต่ล้มเหลว วันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ.1607 เรือสามลำคือเรือซูซาน คอนสแตน(Susan Constant) ก๊อดสปีด ( God Speed) และดีสโคเวอรี่ (Discovery) บรรทุกข้าวของเครื่องใช้เสเบียงอาหารและชายชาวอังกฤษหนึ่งร้อยคนมาถึงอเมริกาในวันที่ 24พฤษภาคมปีเดียวกันผู้อพยพตั้งชื่อแม่น้ำสายที่ไหลผ่านบริเวณนั้นว่าแม่น้ำเจมส์เพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษและตั้งชื่ออาณานิคมในโลกใหม่ว่า “เจมส์ทาวน์” ด้วยเหตุผลเดียวกันชาวอาณานิคมทนสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมไม่ได้เพาะปลูกพืชด้วยเมล็ดพันธุ์ที่บริษัทนำมาไม่ขึ้นเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิในปีรุ่งขึ้น ปรากฎว่าเหลือชาวอาณานิคมอยู่เพียงแค่ 40 คน นอกนั้นเสียชีวิตในช่วงฤดูหนาวอันยาวนานภายใต้การปกครองของจอห์น สมิธซึ่งพยายามทำตัวเป็นมิตรกับอินเดียนแดงที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นก่อนหน้าการมาถึงของกัปตันจอห์น สมิธ บริเวณอ่าวเชซาพีก(Chesapeake Bay) ที่ชาวอังกฤษเข้ามาตั้งอาณานิคมนั้นมีอินเดียนแดงเผ่าหนึ่งคือเผ่าเชซาพีกอาศัยอยู่อย่างสงบแต่อินเดียนแดงอีกเผ่าหนึ่งนำโดยหัวหน้าเผ่าพาวฮาทันผู้เป็นพ่อของโพคาฮอนทัสบุกโจมตีและยึดดินแดนแถวนี้เป็นของตนเพื่อรวบรวมเผ่าต่างๆ เป็นปึกแผ่น
เมื่อจอห์น สมิธและผู้อพยพชาวอังกฤษเข้ามาตั้งอาณานิคมก็รุกล้ำเข้าไปในอาณาเขตของพาวฮาทัน อินเดียนแดงจึงจับตัวจอห์นสมิธวัย 28 ปีไว้ ลูกสาวหัวหน้าเผ่าชื่อ ‘มาโตอาคา’ (Matoaca)หรือรู้จักในนาม “โพคาฮอนตัส” วัย 11ขวบมาขวางเอาไว้เพราะความสงสารไม่ใช่ความรักตามเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดสร้างเพราะอายุห่างกันมาก สุดท้ายคนผิวขาวและอินเดียนแดงก็กลายเป็นมิตรเมื่อจอห์น สมิธกลับอังกฤษเพราะบาดเจ็บความสัมพันธ์ระหว่างชาวอาณานิคมกับเผ่าของพาวฮาทันลดน้อยถอยลงจากนั้นทั้งชาวอาณานิคมและอินเดียนแดงก็ปะทะกันมาตลอดความอดอยากและจำนวนชาวอาณานิคมที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกไปเรื่อยๆทำให้หัวหน้าเผ่าพาวฮาทันรู้สึกว่าคนผิวขาวเหล่านี้คือภัยและศัตรูที่คุกคามเผ่าของตน ในปี ค.ศ.1613 แซมมวลอาร์แกลลักพาตัวโพคาฮอนตัสเพื่อเอาไว้ต่อรองกับอินเดียนแดงแล้วฆ่าสามีอินเดียนแดงของโพคาฮอนตัส และตั้งใจจะฆ่าลูกชายของเธอ
เธอซ่อนลูกชายไว้จึงรอดตายแต่ตัวโพคาฮอนตัสถูกจับและโดนข่มขืนอย่างทารุณแม้หัวหน้าเผ่าพาวฮาทันจะทำตามที่ชาวอาณานิคมเรียกร้องทุกอย่างโดยยอมปล่อยเชลยผิวขาวแลกกับอิสระภาพของลูกสาวแต่กลับไม่มีการปล่อยตัวโพคาฮอนตัสออกมาตามที่ตกลงกันไว้เพราะต้องการเอาไว้แลกเปลี่ยนที่เอื้อประโยชน์แก่คนผิวขาวจนกระทั่งโพคาฮอนตัสตั้งครรภ์ที่เป็นผลพวงจากการถูกข่มขืนจึงได้รับการปล่อยตัวหลังจากโดนปล่อยตัวเธอเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์โดยได้รับการตั้งชื่อแบบคริสเตียนว่า“รีเบคกา” จากนั้นก็แต่งงานกับจอห์น รอล์ฟ (John Rolfe) วันที่ 5เมษายน ปี ค.ศ. 1614ทำให้ความสัมพันธ์ของอินเดียนแดงและชาวอาณานิคมดีขึ้นการแต่งงานกับจอห์น รอล์ฟไม่ได้เป็นการแต่งงานเพราะความรักแต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ล้วนๆ จอห์น รอล์ฟ (John Rolfe)นำพันธุ์ยาสูบของอินเดียนแดงมาปลูกในอาณานิคมและกลายเป็นที่สินค้ายอดนิยมในตลาดยุโรปจนทำรายได้มากมายให้อาณานิคมเจมส์ทาวน์ และแน่นอนความมั่งคั่งของตัวเองด้วยเช่นกันฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 1616 โพคาฮอนตัส จอห์น รอล์ฟและลูกที่เพิ่งเกิดเดินทางไปอังกฤษเมื่อจะกลับมายังอาณานิคมเจมส์ทาวน์ในอเมริกาก็ล้มป่วยด้วยโรคฝีดาษเพราะเธอเป็นอินเดียนแดง จึงไม่มีภูมิต้านทานโรคฝีดาษสุดท้ายโพคาฮอนตัสเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 21 ปีและประกอบพิธีฝังศพที่เมืองกราฟเซนด์ (Gravesend) ในอังกฤษเมื่อวันที่
21 มีนาคม ค.ศ.1617เรื่องนี้ทำให้หัวหน้าเผ่าพาวฮาทันตรอมใจจนเสียชีวิตเพราะไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวกับหลานที่เพิ่งเกิด ส่วนจอห์นรอล์ฟก็แต่งงานใหม่หลังจากนั้นหลังจากหัวหน้าเผ่าพาวฮาทันเสียชีวิตพี่ชายของพาวฮาทันชื่ออัลกอนควินขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าแทนอัลกอนควินไม่เห็นด้วยที่คนผิวขาวจะเข้ามายึดดินแดนตนจึงเปิดศึกกับชาวอาณานิคมไม่เว้นแม้แต่เด็กหรือผู้หญิง ชาวอาณานิคมจึงเอาคืนด้วยการลวงอินเดียนแดงมาแล้ววางยาพิษลูกชายของโพคาฮอนตัสที่เกิดจากสามีอินเดียนแดงกลับร่วมมือกับชาวอาณานิคมฆ่าคนในเผ่าจนเอง อัลกอนควิน ลุงของโพคาฮอนตัสถูกจับส่วนอินเดียนแดงที่รอดตายก็ถูกชาวอาณานิคมอังกฤษบังคับให้กลายเป็นทาส
...........................................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี