ดูเหมือนว่าลุงทรัมป์ขยันหาเรื่องให้ชาวบ้านด่าได้ทุกอาทิตย์ เรื่องการกราดยิงยังไม่ทันจางจากใจมะริกันชน ก็ต้องมาก่นด่าลุงผมเป๋เรื่องการลงนามขึ้นภาษีเหล็กโดยอ้างว่าจะอุ้มอุตสาหกรรมเหล็กกล้าในบ้านลุงแซมท่ามกลางเสียงตะโกนด่าของชาวโลกเพราะเดือดร้อนกันทั่วหน้า แถมจะดึงเศรษฐกิจโลกให้ตกต่ำอีกด้วย
บอกตรงๆ ว่าอย่าว่าแต่เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจอเมริกาก็จะพังเอาง่ายๆ นาทีนี้บริษัทฟอร์ดมอเตอร์ขยับตัวด้วยการประกาศปลดพนักงานไปแล้ว 2000 คน แต่เรื่องนี้ต้องเขียนถึงยาว เลยคิดว่าจะเอาไว้เขียนถึงทีหลัง เพราะยังมีอีกเรื่องหนึ่งให้ชาวโลกที่นั่งกระดิกเท้าเคี้ยวข้าวโพดคั่วเพลินๆ หันมาจ้องหน้าลุงแซมเป็นสายตาเดียวกัน นั่นคือเรื่องที่ลุงทรัมป์ยืดอกแล้วประกาศก้องโลกว่าจะไปพบพี่คิมเด็กแว้นซ์แห่งเกาหลีเหนือ
ช่วงนี้ลุงแซมเดินเป๋บิดเบี้ยวจนไม่เป็นทรง หมูหมากาไก่ไม่เกรงใจไล่ด่าท้าทายตลอดแบบไม่กลัวนักเลงคุมซอย ทั้งเกาหลีเหนือ พญามังกรและหมีขาวต่างพากันยิงจรวดร่อนไปมาตูมๆ แล้วยักคิ้วให้ลุงแซมทำนองว่า อย่านึกว่าลื้อแน่คนเดียวเว้ยไอ้ลุงแซม ของอั๊วก็มี เจ๋งกว่าของลื้อด้วย เห็นแล้วได้แต่ปลง เพราะลุงแซมทำชาวบ้านไว้แยะและต่อเนื่องยาวนานด้วยความย่ามใจว่าตนเองคือนัมเบอร์วันพระเอกอันดับหนึ่งของโลก
นาทีนี้ชาวบ้านชาวช่องหันไปซบอกหมีขาวกันเป็นแถว แล้วหันไปนับเบี้ยค้าขายกับพญามังกรที่เลื้อยไปค้าขายกับทั้งโลก ในขณะที่ลุงแซมมัวแต่ยืนเบ่งกล้ามอวดเพ้ออยู่ลำพัง แม้แต่เพื่อนบ้านอย่างเม็กซิกันยังเบ้หน้าแล้วด่าซ้ำใส่ลุงแซมเลย คิดดู
ลุงทรัมป์นั่งเกาคางพลางหาทางออกว่าทำอย่างไร ถึงจะให้ลูกบ้านและชาวโลกหันมาซูฮกลุงแซมเหมือนเก่า เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกหญิงทำเนียบขาว ยืนยันว่าทรัมป์จะตอบรับคำเชิญพบปะกับ คิม จองอึน ในสถานที่และเวลาซึ่งจะกำหนดในภายหลัง บ๊ะ..ดูท่าว่าจะสนุกเอาเรื่อง ว่าแล้วชาวโลกมุงก็เริ่มอุ้มลูกจูงหลานหอบเสื่อไปนั่งรอแถวคาบสมุทรเกาหลีอีกรอบ
ใครที่เกาะติดสถานการณ์โลกจะเห็นว่าทั้งเฒ่าลาดื้อทั้งพี่คิมเด็กแว้นซ์ต่างชี้หน้าด่ากันข้ามโลกแบบไม่ลดราวาศอกจนชาวโลกอกสั่นขวัญแขวนไปตามกัน ลุงผมเป๋จิดกัดพี่คิมคิ้วห้ามิติว่า “ไอ้บ้า” บ้าง หรือ “มนุษย์จรวด” บ้าง ส่วนพี่คิมก็สะบัดผมทรงประหลาดแล้วสาดคำใส่แรงๆ ด่าลุงผมเป๋ว่า “ไอ้แก่เลอะเลือน” บ้าง “ไอ้เฒ่าเพี้ยน” บ้าง ตามระดับความแรงของอารมณ์ ลุงทรัมป์ก็ไม่ลดละปากยื่นปากยาวไปตอกกลับว่าจะถล่มเกาหลีเหนือให้สิ้นซากด้วยอาวุธร้ายแรงยิ่งกว่าไฟประลัยกัลป์ เล่นเอาชาวโลกมุงครางฮือไปตามๆ กัน เพราะยิ่งกว่าดูมวยศึกวันทรงชัย
แม้จะไปพบเด็กแว้นซ์อย่างอาตี๋คิม ลุงก็ไม่วายทำตัวเป็นพระเอกด้วยการประกาศก้องแล้วหันไปยิ้มร่าอวดฟันทองรอบโลกเป็นการอุ่นเครื่องว่า พี่มาแล้ว พระเอกโลกตัวจริงเสียงจริง เพราะไม่เคยมีประธานาธิบดีมะริกันคนไหนได้เจรจากับเกาหลีเหนือแบบตัวต่อตัวเลย จะมีก็พระเอกสุดหล่อพ่อรวยอย่างพี่ทรัมป์นี่แหละที่จะนำสันติภาพมาสู่โลก
ก่อนหน้าที่จะลงรายละเอียดใดๆ คิดง่ายๆ ตามแบบคนพื้นๆ บ้านๆ ได้ดังนี้ สมมุติว่าลุงทรัมป์ไปพบแล้วพี่คิมไม่ตกลงโอเคกับข้อเสนอทั้งหลายทั้งปวง ลุงทรัมป์ก็ได้หน้าอยู่ดีในการวางมาดพระเอก ผู้ร้ายนั้นย่อมเป็นพี่คิมวันยังค่ำ เพราะถูกยัดเยียดจากฝ่ายอเมริกาอยู่ตลอด หากว่าเจรจากันแล้ว พี่คิมพยักหน้าบอกโอเค ตกลงตามนี้ ลุงทรัมป์ก็จะยิ่งหน้าบานเป็นกระด้งฝัดข้าว เพราะเท่ากับว่าควบคุมเด็กแว้นซ์อยู่กับร่องกับรอยได้ ไม่ต้องหวาดระแวงว่าจรวดจะร่อนมาลงกบาลวันไหน แต่ประเด็นคือ....ผลที่ตามมาชาวโลกได้หรือเสียขนาดไหน เรื่องนี้แหละที่ชาวโลกมุงหันหน้ามาซุบซิบกันลั่นโลก
เมื่อลุงทรัมป์ประกาศโป้งออกมา แน่นอนว่ามีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ลูกขุนพลอยพยักที่ลุงทรัมป์ลูบหัวดูแลก็ออกมาพยักหน้าตบมือเกรียวกราว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลคนหนึ่งออกมาแสดงความเห็นว่า การที่ทรัมป์ตกลงพบกับ คิม จองอึน เพราะเห็นว่าคิมเป็นผู้นำสูงสุดที่มีอำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จในเกาหลีเหนือ ที่ประหลาดไปกว่านั้นคือดันบอกว่าอเมริกาจะไม่ยอมรับข้อตกลงอื่นใดทั้งสิ้น นอกจากเกาหลีเหนือจะต้องปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างถาวร เอ้า..แบบนี้เรียกว่าข่มขู่นะลุง ไม่ใช่เจรจาสันติภาพ ตามประสาขาอวย ลงท้ายหยอดลูกยอลุงทรัมป์รัวๆ ว่า
“ประธานาธิบดีทรัมป์มีชื่อเสียงเรื่องการเจรจาอยู่แล้ว”
นี่ลุงคงถูกมนต์กฤษณะกาลีสินะถึงได้เห็นผิดเห็นชอบขนาดนั้น พอกับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เร็กซ์ ทิลเลอร์สันที่อวยทรัมป์แบบอวยไส้แตก ที่สาหัสกว่านั้นเป็นจะเป็นรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ที่อวยแบบสุดลิ่มทิ่มประตูว่า
“ความปรารถนาของเกาหลีเหนือที่จะพบปะเพื่อหารือปลดอาวุธนิวเคลียร์ โดยระหว่างนั้นก็จะระงับการทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์ทั้งหมด คือหลักฐานชี้ว่ายุทธศาสตร์ของประธานาธิบดีทรัมป์ ในการโดดเดี่ยวระบอบคิมกำลังได้ผล ความมุ่งมั่นของเราไม่มีใครขัดขวางได้และนโยบายของเรายังคงเหมือนเดิม ทุกมาตรการคว่ำบาตรยังคงอยู่และเราจะเดินหน้ารณรงค์กดดันขึ้นสูงสุดจนกระทั่งเกาหลีเหนือใช้ก้าวย่างที่เป็นรูปเป็นร่าง อย่างถาวรและตรวจสอบได้ในการยุติโครงการนิวเคลียร์"
แต่คนที่ฟังแล้วสายหน้าดิกๆ ก็มี อย่างบิล ริชาร์ดสัน อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติปรามว่าการตัดสินใจจัดประชุมซัมมิตกับผู้นำเกาหลีเหนือนั้นไม่ง่ายเหมือน “เรียลลิตีโชว์” แถมบอกอีกว่าทรัมป์ควรปรึกษาประธานาธิบดี บุชและประธานาธิบดีคลินตัน อย่าทำงานแบบข้ามาคนเดียว ลุงแกคงฟังหรอกนะ
ส่วนฮิลลารี คลินตันถึงกับเบ้ปากมองบนแล้วออกมาเตือนว่า คณะบริหารของทรัมป์ไม่ตระหนักถึงอันตรายในการหารือเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์กับเปียงยาง
“หากต้องการคุยกับคิม จองอึน เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ เราต้องมีนักการทูตที่เชี่ยวชาญ”
วอชิงตันขาดนักการทูตที่มีประสบการณ์พอจะดูแลการเจรจาในส่วนนี้ เพราะส่วนมากออกกันไปหมดแล้ว ในขณะที่ทั้งโลกหันมาจับตามอง พญามังกรก็หยุดเจี๊ยะน้ำชาแล้วพยักหน้าเห็นว่าว่าควรต้องคุยกันนะ เช่นเดียวกับหมีขาวที่ยืนดูขรึมๆ แล้วยิ้มเย็นๆให้ตามแบบฉบับรัสเซีย
ในขณะที่ลุงแซมเล่นบทพระเอกขี่ม้าขาวอวดชาวโลก หันมามองฝั่งพี่คิมบ้างว่าคิดอย่างไร เห็นข่าวแล้วถึงกับหัวเราะหึๆ เพราะกลายเป็นว่าทั้งหมดนี้คือความเมตตาของพี่คิมโดยแท้ หาใช่ความเอื้ออาทรของลุงทรัมป์แต่อย่างใด
พัค ซอง-อิล เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติแสดงความคิดเห็นผ่านอีเมลที่ส่งถึงหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า ความคืบหน้านี้เป็นผลจากความเอื้ออารีและการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของคิมที่จะสร้างสันติภาพและความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลี พร้อมเรียกร้องให้อเมริการับรู้และเข้าใจจุดยืนของเกาหลีเหนือ และช่วยส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงอย่างจริงจังและจริงใจ
คงต้องจับตามองไม่ให้คลาดสายตาว่าการพบปะระหว่างเฒ่าหัวดื้อกับเด็กแว้นซ์จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หรือแค่ราคาคุย และหากว่าเกิดขึ้นจริง จะนำโลกไปสู่สันติภาพหรือพังพาบกันแน่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี