การก่อตั้งจดทะเบียนจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ที่มี 2 แกนนำสำคัญซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ถูกตั้งข้อสังเกตุว่มีแนวคิดสุดขั้วในการต่อต้านสถาบันเบื้องสูงคือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจและดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการสายกลุ่มนิติราษฏร์ คาดว่าเป็นการเดินเกมครั้งสำคัญของขบวนการแนวคิดต่อต้านสถาบันเบื้องสูง เพราะนี่คือการเปิดตัวยกระดับแนวทางต่อสู้ทางการเมืองอย่างเปิดเผยและแหลมคมโดยจะใช้เวทีรัฐสภาเพาะเชื้อแพร่แนวคิดที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงและสถาบันหลักของชาติในระยะยาว
การก่อกำเนิดของพรรคอนาคตใหม่ด้วยการนำเสนอจุดขายผู้นำที่มาจากคนรุ่นใหม่ ทางเลือกใหม่ รวมทั้งการกล้าแบบถึงลูกถึงคนของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ทำให้เกิดกระแสคนรุ่นใหม่ฟีเวอร์ ประกอบกับปัจจุบันเกิดกระแสโลกในหลายประเทศล้วนมีผู้นำที่เป็นคนรุ่นใหม่อายุน้อย รวมทั้งกระแสประชาชนที่เบื่อหน่ายเอือมระอาการเมืองแบบเก่าๆที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาจึงอยากลองของใหม่โดยพรรคการเมืองทางเลือกใหม่ จึงไม่แปลกที่ผลสำรวจของนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)ครั้งล่าสุดสะท้อนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ศรัทธาในพรรคการเมืองหน้าใหม่มากกว่าพรรคการเมืองเก่าหน้าเดิม และที่สำคัญผลสำรวจในประเด็นที่ว่าใครเหมาะสมเป็นนายกฯคนต่อไปถึงกับสะท้อนว่า นายธนาธร ได้คะแนนนิยมจากมหาชนมาเป็นอันดับ 4 เป็นรอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่นำโด่งเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนนทิ้งห่าง รองลงมาคือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคเพื่อไทย และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และยังมีคะแนนนิยมเหนือกว่านักการเมืองอาวุโสคนสำคัญ อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ 2 สมัย พล.ต.อ.เสรี เตมียเวศ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ปูมหลังของ นายธนาธร และ ดร.ปิยบุตร ถูกตั้งข้อสังเกตุว่ามีแนวคิดต่อต้านสถาบันเบื้องสูงอย่างสุดขั้วโดยเคยเรียกร้องให้แก้ประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 ว่าด้วยโทษความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูงและที่สำคัญถึงขนาดเคยเสนอแนวคิดห้ามพระมหากษัตริย์มีพระราชดำรัสกับประชาชน นอกจากนี้ทั้งสองยังสนับสนุนขบวนการเสื้อแดงรวมทั้งระบอบทักษิณมาตลอด ทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า สร้างภาพขัดแย้งในตัวเองเพราะขณะที่ประกาศอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่กลับสนับสนุนระบอบทักษิณและกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งมีพฤติกรรมเป็นธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมและเคยก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองซึ่งตรงกันข้ามกับแนวทางระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นการก่อกำเนิดของพรรคอนาคตใหม่จึงถูกมองว่าเป็นพรรคสาขาของระบอบทักษิณนั่นเอง
ล่าสุด ดร.ปิยบุตร ยังยืนยันแนวคิดให้ยกเลิกมาตรา 112 โดยอ้างว่ามาตรานี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ทั้งๆที่ความจริงประชาชนทั่วไปซึ่งไม่คิดร้ายต่อสถาบันเบื้องสูงไม่มีใครเดือดร้อนหรือได้รับผลกระทบจากมาตรา 112 อีกทั้งผู้ที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 ถึงที่สุดแล้วการชี้ขาดความถูกผิดอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลสถิตยุติธรรมที่มีความเที่ยงธรรมน่าเชื่อถืออยู่แล้ว
พล.ต.หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือ “ท่านใหม่” โพสต์ความเห็นในเฟซบุ๊คส่วนตัวเมื่อไม่นานมานี้มีใจความสรุปได้ว่า “ ผมรู้ว่ามีบุคคลกลุ่มหนึ่ง พรรคหนึ่งหรือสองพรรคที่อยากเปลี่ยนแปลงพระราชอาณาจักรนี้ให้เป็นสาธารณรัฐหรือสหพันธรัฐ การปรากฏขึ้นต่อสาธารณะของคนรุ่นใหม่และจินตนาการทางการเมืองใหม่ที่มุ่งสู่อนาคตใหม่ของพวกคนรุ่นใหม่หรืออาจจะเรียกได้ว่าพวกคางคกอยากกินเนื้อหงส์ ถ้าได้ร่วมกับพรรคใหญ่พรรคหนึ่งย่อมมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ.....เป้าหมายแรกคือการเสนอยกเลิกมาตรา 112 การเสนอยกเลิกมาตรา 112 เป็นกระบวนการแรกเท่านั้น ถ้าสามารถยกเลิกได้หรือเริ่มมีมวลชนคนไม่เอาสถาบันหรือใช้เงินจัดจ้างนักวิชาการ(แดงหัวเอียงซ้าย) อาจารย์ รวมถึงนักวิชาการขายตัวบางคน นักสื่อสารมวลชน เพื่อปลุกระดมความเกลียดชังบดบังสติปัญญาของมวลชนคนในสังคมที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์โดยกล่าวเท็จใส่ความต่อสถาบันเพื่อให้พวกเหล่านั้นที่ขายตัว ขายชาติ รวมถึงประชาชนผู้หลงผิดหรือรับอามิสสินจ้างมาสนับสนุนการยกเลิกมาตรา 112 เมื่อมีมวลชนเข้าร่วมมากขึ้น พวกเขาเหล่านั้นก็จะสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนในพระราชอาณาจักรนี้เริ่มที่จะไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์เพราะเห็นว่าล้าหลังไม่เป็นประชาธิปไตยตามที่พวกเขาวางแนวคิดไว้....... ส่วนพรรคไหนกลุ่มไหนอยู่เบื้องหลังขบวนการคางคกอยากกินเนื้อหงส์ให้ดูพฤติกรรมในอดีตและจับตาความเคลื่อนไหวของขบวนการกลุ่มนี้ในอนาคตให้ดี “
เพราะฉะนั้นการก่อกำเนิดของพรรคอนาคตใหม่จึงอาจเป็นสัญญาณอันตรายด้วยแนวคิดสุดโต่งในการต่อต้านสถาบันเบื้องสูงซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวและเสี่ยงจะเป็นชนวนระเบิดเวลาลูกใหญ่สร้างความแตกแยกในชาติรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อนในอนาคตโดยเฉพาะหากพรรคอนาคตใหม่มีส.ส.นั่งอยู่ในสภาผู้แทนราษฏรแล้วผลักดันให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 หรือเหิมเกริมเสนอแนวคิดในเวทีสภาซึ่งเป็นการบ่อนทำลายสถาบันอันเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนทั้งประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี