มีเรื่องที่พูดกันลือลั่นสนั่นเมืองอยู่ขณะนี้ คือการสร้างบ้านพักให้ผู้พิพากษาภาค 5 เชิงดอยสุเทพ เชียงใหม่
ฝ่ายสำนักงานศาลยุติธรรม กองทัพบก บอกว่า ทุกประการดำเนินการถูกต้องตามตัวบทกฎหมาย
อีกฝ่ายแสดงความห่วงใยทรัพยากรโดยเฉพาะเห็นว่า เป็นการตัดไม้ทำลายป่า
ฝ่ายที่คัดค้านคัดค้านมาตั้งแต่เริ่มโครงการแล้ว แต่จุดไม่ติด ยังไม่มีกรณีเสือดำ มาประกอบ การก่อสร้างจึงดำเนินเรื่อยมาถึงวันนี้ซึ่ง ผู้บัญชาการทหารบก บอกว่า ลงทุนไปเยอะแล้ว. ต้องให้ทำต่อไป จนชาวบ้านต้องย้อนถามว่า
“อ้าวแล้วทีชาวบ้าน ทำไมต้องทุบของเขาทิ้ง ลงทุนไปเยอะแล้วเหมือนกัน !”
ความจริง การทำลายป่าอย่างหนัก เป็นบริเวณกว้าง ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในกรณีของบ้านพักผู้พิพากษาที่เชิงดอยสุเทพ มันเกิดขึ้นมานานแล้ว เขาทั้งลูกกลายเป็นเขาหัวโล้นที่จังหวัดน่าน จังหวัดเพชรบูรณ์ บริเวณ เขาคล้อ หรือภูทับเบิก สนามแข่งรถที่เขาใหญ่ โรงแรม รีสอร์ตที่เขาใหญ่ นครราชสีมา ล้วนเกิดจากการรุกป่า รุกอุทยานทั้งสิ้น
จากป่ามาเป็นเมือง ก็ล้วนเกิดจากการทำลายทรัพยกรทั้งสิ้น
ปัญหาอยู่ที่ว่า อาศัยกฎ ระเบียบ ข้อใด และมีความเป็นธรรม คือ ปฏิบัติเสมอภาคกันหรือไม่
มีคดีหนึ่งที่ศาลฎีกาตัดสินไปแล้ว ที่ 16060/2557 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2557 ตัดสินจำคุก นายเฉลิมเกียรติ คล้ายสุวรรณ 8 ปี
เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อปี 2478 อำเภอสีคิ้วออกประกาศให้ที่ดินบริเวณรอบๆ ทัณฑสถานคลองไผ่ เป็นที่สงวนเอาไว้เพื่อขยายทัณฑสถาน ต่อมา กรมป่าไม้ ประกาศเป็นป่าสงวน ทับที่บางส่วนที่ว่านั้น
วันเวลาต่อมา เกิดสมัชชาคนจนขึ้น พาคนยากคนจนไปบุกรุก ไปจับจองเป็นที่ทำกิน เป็นที่อยู่อาศัย และเกิดการจับกุมผู้ที่บุกรุก เป็นคดีความ เป็นที่เดือดร้อนของประชาชนที่บุกรุกที่ดินบริเวณดังกล่าว
จนถึงรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา จึงแก้ปัญหาด้วยการออกนโยบาย ให้คนยากคนจนหรือคนที่บุกรุกที่ดินดังกล่าวนั้น เช่าที่ดินบริเวณนั้นจากกรมธนารักษ์ ด้วยถือว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุ
กรมธนารักษ์ ไม่ยอมทำสัญญาเช่ากับจำเลย จำเลยต้องร้องศาลปกครอง ในที่สุดก็ได้ทำสัญญา และยอมจ่ายค่าเช่าย้อนหลังไปหลายปี
วันดีคืนดีจำเลยถูกจับข้อหาบุกรุกป่าสงวน และถูกดำเนินคดี
ขณะนี้ยังอยู่ในเรือนจำ ศาลตัดสินจำคุก 8 ปี ความผิดตามมาตรา 9 ประกอบมาตรา 108 ทวิ
สาระก็คือ ที่ราชพัสดุ ดังกล่าว เมื่อประกาศเป็นเขตป่าสงวนหรือประกาศเป็นเขตอุทยานทับลงไป ถ้ากรมธนารักษ์ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ กฎหมายถือว่าเป็นที่รกร้างว่างเปล่า กรมธนารักษ์จะให้ใครเช่าหรือเข้าไปใช้ประโยชน์ไม่ได้
จำเลยในคดีนี้ เช่าที่จากกรมธนารักษ์ซึ่งศาลเห็นว่ากรมธนารักษ์ไม่มีสิทธิ์ เพราะกรมธนารักษ์ไม่เคยเข้าไปใช้ประโยชน์ ทัณฑสถานสีคิ้ว ก็ไม่เคยเข้าไปใช้ประโยชน์ (เพียงแต่มีประกาศไว้ว่าจะขยายทัณฑสถาน)
ที่ดินเชิงดอยสุเทพ ที่บอกว่า กรมธนารักษ์อนุญาต หรือ กรมธนารักษ์ให้กองทัพบกใช้ตั้งแต่ปี 2500 นั้น ก็เช่นเดียวกัน ข้อเท็จจริงก็คือ ที่ดินที่ว่านี้กรมธนารักษ์ยังไม่เคยใช้ประโยชน์ กองทัพบกก็ยังไม่เคยใช้ประโยชน์ ที่ดินดังกล่าวจึงเป็นที่รกร้างว่างเปล่าตามนัยแห่งคำพิพากษานี้ กรมธนารักษ์หรือกองทัพบกไม่มีสิทธิ์ให้ใครเข้าไปทำประโยชน์ได้
ถ้าถือตามคำพิพากษานี้ ผู้เข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินเชิงดอยสุเทพที่ว่าก็คือผู้บุกรุกนั่นเอง
คุกสถานเดียว
นี่ว่าตามคำพิพากษาของศาลฎีกานะครับ
แต่ถ้าตามความเห็นของผม ผู้อนุญาตโดยไม่มีอำนาจ ก็น่าจะคุกเหมือนกัน
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี