แม้จะเขียนถึงเรื่องการเหยียดผิวที่ยังปรากฎให้เห็นในสังคมอเมริกาอยู่บ่อยๆ แล้วเมื่อวานเวลาผ่านไปผู้คนก็ลืมเลือน แต่อีกสักพักปัญหานี้ก็ประทุขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะเมื่ออเมริกามีประธานาธิบดีชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งแสดงการเหยียดผิวและเชื้อชาติออกมาให้เห็นหลายหน ตั้งแต่ก่อนได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี เมื่อหัวขบวนหยิบตา หางแถวก็ขยับ เมื่อไม่นานมานี้
มีการจราจลที่เมืองชาร์ล็อตต์สวิลล์
ท้าวความหลังให้นิดหนึ่งเพราะน่าจะจำไม่ได้กันแล้ว เมื่อสองปีก่อนเกิดเหตุปะทะระหว่างผิวขาวและผิวดำที่เมืองนี้ กลุ่มไลท์ซูพรีเมซิสต์นีโอนาซี และคูคลักซ์แคลน ซึ่งกลุ่มนี้เป็นพวกคลั่งขาวขวาจัดถือคบเพลิงกระบอง และปืนเดินขบวนเข้าไปในมหาวิทยาลัยเวอร์จีเนียเพื่อคัดค้านการรื้อรูปปั้นโรเบิร์ต อี. ลี ผู้นำกองกำลังสมาพันธรัฐ ซึ่งเป็นวีรบุรุษของฝ่ายใต้ในสงครามกลางเมืองอเมริกา สุดท้ายก็เกิดปะทะกันระหว่างพวกคลั่งขาวกับคนผิวดำและผิวขาวบางส่วน กลุ่มคลั่งขาวนี่แหละคือคะแนนเสียงหลักของลุงทรัมป์ แถมทรัมป์เองก็เหยียดผิวสุดโต่งอีกด้วย เหตุการณ์เมืองชาร์ล็อตต์สวิลล์ ทำให้คณะกรรมการว่าด้วยการกำจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติขององค์
การสหประชาชาติ (United Nations Committee on the Elimination ofRacial Discrimination) ถึงกับต้องออกแถลงการณ์เตือนลุงแซม อเมริกาเคยให้สัตยาบันในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการกำจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติทุกรูปแบบ ในปี ค.ศ.1994 แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ยูเอ็นต้องส่งสัญญาณเตือนอีกครั้ง การเตือนลักษณะนี้จะมีออกมาเรื่อยๆ และหนนี้เป็นหนที่ 7 แต่ดูเหมือนว่าลุงแซมยังคงทำหน้ามึนและไม่แก้ไขปัญหาในบ้านตัวเองแต่อย่างใด
อาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง เกิดเหตุความจงชังระหว่างผิวดำ-ผิวขาวอีกแล้ว ร้านสตาร์บัคในฟิลาเดลเฟียแจ้งความชายผิวดำสองคนฐานบุกรุกเพียงเพราะขอเข้าห้องน้ำ ซึ่งร้านอาหารทุกแห่งในอเมริกาจะต้องมีห้องน้ำไว้บริการ แม้จะไม่ใช่ลูกค้าก็ตามถือเป็นเรื่องปกติ ที่บางหนเกิดเหตุฉุกเฉินต้องจอดรถที่ร้านเหล่านี้แล้วเข้าห้องน้ำ โดยไม่ต้องขอเข้าห้องน้ำแต่อย่างใด เพราะถือเป็นสิทธิเบื้องต้น ชายผิวดำทั้งสองคนขอใช้ห้องน้ำของร้าน แต่ถูกปฏิเสธ
โดยบอกว่าห้องน้ำมีไว้เฉพาะลูกค้าที่เสียเงินซื้ออาหารเท่านั้น ชายผิวดำทั้งคู่จึงขอนั่งรอเพื่อนอยู่ในร้าน โดยไม่ได้สั่งกาแฟทางผู้จัดการร้านจึงโทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก ในช่วงเวลาใกล้กันก็เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันขึ้นที่ร้านสตาร์บัคส์สาขาหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย ชายผิวดำคนหนึ่งกำลังถูกขอให้ออกจากร้าน
หลังแสดงความไม่เห็นด้วยที่ทางร้านมอบรหัสเข้าห้องน้ำแก่ลูกค้าผิวขาวรายหนึ่งทั้งที่ยังไม่สั่งกาแฟหรืออาหาร ผิดกับตนที่ทางร้านตั้งแง่ไม่มอบรหัสให้จนกว่าจะสั่งกาแฟหรืออาหารเสียก่
อน สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจให้คนผิวดำ จึงเกิดการเดินขบวนต่อต้านในฟิลาเดลเฟีย ผู้ประท้วงหลายสิบคนบุกเข้าไปในร้านสตาร์บัคส์ แล้วตะโกนว่า “กาแฟสตาร์บัคส์ต่อต้านคนผิวดำ”
และ “เราจะปิดตายร้านคุณ” บางส่วนชูป้ายประท้วงและตะโกนว่า “ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยการเหยียดผิว ที่แห่งนี้ไร้ค่ากาแฟสตาร์บัคส์ต่อต้านคนผิวดำ”
แม้ซีอีโอจะออกมาขอโทษแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นอคติในใจคนผิวขาว ว่าอคติในใจมีสัดส่วนเยอะมากจนทำให้เกิดปัญหาลักษณะนี้อย่างไม่จบสิ้น อีกสองวันถัดมาก็เกิดเหตุแนวเดียวกันนี้ แต่ร้ายแรงกว่านั้นนั่นคือตำรวจผิวขาว กระหน่ำยิงคนผิวดำในลานจอดรถห้างวอลมาร์ท น่าแปลกใจคือ คนผิวดำเหล่านั้นไม่มีอาวุธแต่อย่างใด แต่ตำรวจกลับรัวกระสุนใส่ถึง 30 นัด เดียนเต ยาร์เบอร์ วัย 26 ปี กำลังจอดรถในลานจอดรถห้างวอลมาร์ทเมืองบาร์สโตว เจ้าหน้าที่ตำรวจคิดว่ายอร์เบอร์เป็นผู้ต้องสงสัยขโมยรถยนต์ เลยยิงใส่ทั้งหมด 30 นัด ในจำนวนนี้โดนยาร์เบอร์กว่า 20 นัด จนเสียชีวิต
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ตำรวจก็ไม่ควรยิงรัวขนาดนี้เพราะอีกฝ่ายมือเปล่า สมมุติว่ายาร์เบอร์ขโมยรถจริง ก็แค่จับกุมแล้วส่งเข้าคุกก็เพียงพอต่อความผิดแล้ว ไม่จำเป็นต้องซัดกระสุนใส่ขนาดนี้ทนายของยาร์เบอร์จึงยื่นคำฟ้องข้อหา “ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ” การเหยียดเชื้อชาติอย่างฝังรากลึกทำให้ชายผิวสีสองคนถูกจับกุมที่สตาร์บัคส์ และทำให้เดียนเต ยาร์เบอร์ ถูกฆ่าเพราะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยอคติในใจคนผิวขาว ด้วยกระสุนกว่า 30 นัด ที่กระหน่ำใส่รถที่มีแต่คนบริสุทธิ์ผู้ปราศจากอาวุธ
........................................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี