ดูเหมือนว่าอเมริกันในบ้านลุงแซม จะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับหยาดเลือดและหยดน้ำตาของผู้คนอีกมุมหนึ่งของโลกแม้แต่น้อย ตอนที่โดนัลด์ทรัมป์กับไมค์เพนซ์มาช่วยหาเสียงให้นักการเมืองในสังกัดรีพับลิกันที่เมืองดิฉัน ตาทรัมป์ยังคุยอวดโอ่ว่าอเมริกาจะไปเปิดสถานทูตที่เยรูซาเล็มอาทิตย์หน้า ซึ่งก็คืออาทิตย์ที่ผ่านมานี้แหละ ท่ามกลางเสียงตะโกนเชียร์เอาใจว่า “ยูเอสเอๆๆๆๆ”
บางคนถึงกับเป่าปากแสดงความพอใจอย่างใหญ่หลวง แล้วตะโกนบอกทรัมป์บนเวทีว่า ทำดีมาก ทำดีแล้วเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของบรรดาอเมริกัน ทำให้ดิฉันขนลุกด้วยความหวาดหวั่นและแล้วสิ่งที่กังวลก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อมีพิธีเปิดสถานทูตอเมริกาในเมืองเยรูซาเล็ม ขณะที่เดวิด ฟรีดแมน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำอิสราเอล ทำพิธีเปิดสถานทูตชาวปาเลสไตน์ก็ลุกฮือมาประท้วงการเปิดสถานทูตอเมริกาในเยรูซาเล็มปาเลสไตน์ไม่ใช่เพิ่งจะประท้วง แต่ประท้วงต่อเนื่องยาวนานแล้วซึ่งลุงแซมก็ทำหูทวนลมเสียทุกหน
เมื่อปี 1995 สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมาย Jerusalem EmbassyAct ซึ่งกำหนดให้อเมริการับรองเยรูซาเล็มให้เป็นเมืองหลวงอิสราเอล รวมถึงการย้ายสถานทูตไปตั้งที่นั่นด้วย แต่ขณะเดียวกันก็อนุญาตให้ประธานาธิบดีเลื่อนการบังคับใช้ออกไปก่อนได้ หากมีเหตุอันจะกระทบต่อ “ความมั่นคงของชาติ” ประธานาธิบดีทุกคนตั้งแต่ บิล คลินตัน จนถึงโอบามาต่างใช้อำนาจสั่งเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้มาโดยตลอดเพราะเห็นว่านี่คือชนวนที่จะก่อให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับโลกอาหรับ แต่พี่ทรัมป์แกดันแถลงรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และจะย้ายสถานทูตอเมริกาไปตั้งที่นั่นเสียอย่างงั้นแหละ แถมภูมิใจในตัวเองอีกต่างหากว่ากล้าทำในสิ่งที่ประธานาธิบดีคนไหนไม่ทำ พอออกปากว่าจะย้ายก็ถล่มกันแหลกยับไปหนหนึ่งแล้วประท้วงใหญ่โตทั้งโลกมุสลิม ภูมิภาคอาหรับก็ลุกเป็นไฟเกิดการประท้วงที่นั่นที่นี่ทั่วโลก ผู้ประท้วงตะโกนด่าอิสราเอลเผาธงชาติอเมริกันและเผารูปตาทรัมป์ แต่ลุงก็ยังยิ้มร่าหน้าบานแม้ว่าใบหน้าบนภาพจะไหม้เกรียมเหมือนผีก็ตาม พอมาเดือนนี้มีพิธีเปิดสถานทูต ยิ่งเหมือนราดน้ำมันลงบนกองไฟชาวปาเลสไตน์จึงยิ่งลุกขึ้นมาต่อต้าน ยิวเลยส่งเสียงปรามเบาๆด้วยการกราดปืนเข้าใส่ไม่เลือกหน้า ผลคือการประท้วงแค่วันแรกพี่ยิวก็ล่อไป 41 ศพ อีก 900 รายได้รับบาดเจ็บ โดยมีประมาณ 450 ราย ที่บาดเจ็บจากกระสุนจริง ตวาดด้วยปืนจนเลือดท่วมขนาดนี้จะยังมีสันติภาพอยู่หรือ
ที่ย้อนแย้งจนขำขื่นคือความตายเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะความไม่เห็นด้วย ที่ลุงแซมจะตั้งสถานทูตในเยรูซาเล็ม ซึ่งสถานทูตนั้นคือสถานที่อันควรเป็นกลางเพื่อรักษาสันติภาพและความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศ แล้วจะเจรจาความเรื่องสันติภาพอย่างใดท่ามกลางคราบเลือดปาเลสไตน์เช่นนี้ หลังจากควันจาง ก็มาสรุปยอดผู้เสียชีวิตที่ 58 ศพ และบาดเจ็บ 2,700 คน แต่ที่น่าเศร้าที่สุดคือผู้เสียชีวิตรายหนึ่งเป็นเพียงทารกวัยแบเบาะ สิ้นใจจากการขาดอากาศหายใจเนื่องจากสูดสารแก๊สน้ำตาเข้าปอด
ชาวโลกที่สวดมนต์ภาวนาเอาใจช่วยและแอบเกาะรั้วมองอย่างใจหายใจคว่ำ ก็เริ่มส่งเสียงโวยวายเพราะทนไม่ไหวในสิ่งที่ลุงแซมและลูกหาบอย่างยิวทำต่อปาเลสไตน์ จะว่าไปแล้วยิวก็ไม่เชิงเป็นลูกหาบลุงแซมนักหรอก หากแต่เป็นพ่อทูลหัวล่ะเหมาะกว่าเพราะผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างกันก็เพียบ และต่างยิ้มพยักให้กันมายาวนานจนชาวโลกสะอิดสะเอียนการกระทำของยิวทำให้ชาวโลกหันมารุมด่าโดยพร้อมเพรียงกัน แต่กลุ่มโลกอาหรับนั้นตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าเพราะข้อวิวาทบาดหมางเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนาน อันเยรูซาเล็มนั้นคือดินแดนอันเป็นแหล่งกำเนิดของสามศาสนาจะมาฮุบและถือครองปักหมุดอย่างหน้าด้านๆ หาควรไม่
นายกรัฐมนตรียิว เบนจามิน เนทันยาฮู พร้อมกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าร่วมในพิธีเปิดสถานทูตอเมริกา ทรัมป์ได้ส่งลูกสาวและลูกเขย อิวองกา ทรัมป์ และจาเรด คุชเนอร์ร่วมเป็นสักขีพยาน ทีวีทุกช่องในอเมริการายงานสดพิธีนี้ชมกันทั้งประเทศ ที่หนักไปกว่านั้นคือสาธุคุณ โรเบิร์ต เจฟเฟรส (Robert Jeffress)จากอิแวนเจลิตัล (evangelical) นิกายที่มีอิทธิพลในการเมืองบ้านลุงแซมขึ้นกล่าวในพิธีนี้ พร้อมการร้องเพลงชาติโดยตัวแทนของกองทัพสหรัฐฯจากนั้นก็คือรายการอวยไส้แตก ตาทรัมป์โม้ผ่านวิดีโอว่าความหวังยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกา คือสันติภาพส่วนนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลก็อวยตาทรัมป์เสียจนน่าขนลุก ว่าการยอมรับประวัติศาสตร์ของผู้นำสหรัฐฯ คือการสร้างประวัติศาสตร์ทั้งหมดชื่นมื่นร่าเริงแบบบรรยากาศดีดนตรีไพเราะในงานในขณะที่ยิวกระหน่ำยิงชาวปาเลสไตน์อยู่ไม่ไกลกันนักจนเลือดท่วมเปรอะกระเซ็นไปทั่วแผ่นดินอิสราเอล หรือพูดให้ถูกคงต้องบอกว่าเป็นแผ่นดินปาเลสไตน์ (เดิม)แต่ลุงทรัมป์ไม่แคร์ แต่ทวิตเสียหวานหยดย้อยไปให้ยิว โดยบอกว่า“วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับอิสราเอล”
ชาวปาเลสไตน์อยากให้เมืองเยรูซาเลมตะวันออกเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาสแสดงความโกรธแค้นอย่างหนักต่อพิธีเปิดสถานทูตแห่งใหม่พร้อมประกาศว่าจะไม่มีวันยอมรับข้อเสนอสันติภาพจากรัฐบาลทรัมป์เป็นอันขาด
อิยิปต์นั้นเล่นบทนกสองหัวกับมหาอำนาจมาโดยตลอดงานนี้ถึงกับบ่นด่าพึมพำๆ แต่ประเทศที่ไม่ยั้งท่าทีเลยคือตุรกีเพราะเรียกเอกอัครราชทูตตุรกีประจำสหรัฐฯและเอกอัครราชทูตประจำอิสราเอลกลับประเทศ โดยด่วน แล้วสำทับว่าน้ำหน้าอย่างลุงแซมนี่อย่ามาพูดเรื่องสันติภาพให้เหม็นขี้ฟันเลยวะ เพราะสิทธิโดยชอบธรรมของปาเลสไตน์ลุงแซมกับสหายรักยิวยังละเมิดอย่างหนักขนาดนี้ ยังจะมีหน้ามาเจรจาสันติภาพในภูมิภาคอีกรึอิหร่านนั้นแซบกว่าชาติไหน เพราะมีการประกาศแจกเงิน 100,000 ดอลลาร์ ให้ใครก็ตามที่สามารถโจมตีที่ทำการสถานทูตสหรัฐฯซึ่งเปิดใหม่กลางเมืองเยรูซาเลม แจกใบปลิวโปสเตอร์ใน 3 ภาษา อังกฤษ อารบิกและฟาร์ซี (Farsi) ขนาดนี้แล้ว ลุงแซมยังลอยหน้าบอกโลกว่า “ไอไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นและไม่เกี่ยวข้อง” เรื่องนี้ดิฉันไม่ได้พูดเอง แต่เสียงนั้นลอยมาจากการประชุมระดับโลกเลยเชียว ระหว่างการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำยูเอ็น นิกกี เฮลีย์ ออกมาแถลงยืนยันว่า
การเสียชีวิตของผู้ประท้วงปาเลสไตน์ ไม่เกี่ยวข้องกับสถานทูตสหรัฐฯที่เปิดใหม่ เจอคำแถลงแบบนี้เข้าไปถึงกับพูดไม่ออก คือถ้าหน้าไม่ด้านจริงคงไม่กล้าพูดออกมาได้เสียงดังฟังชัดขนาดนี้หรอกนะ งานนี้ไทยเกือบโดนหางเลขเพราะประเทศมุสลิมนั่งนับหัวเลยว่าประเทศไหนส่งตัวแทนไปแสดงความยินดีในงานนี้บ้าง ช่วงแรกสื่ออัลจาซีร่าห์พลาดอีท่าไหนไม่รู้ดันออกข่าวว่าไทยส่งตัวแทนไปแสดงความยินดีในงานด้วย
ทำให้เราต้องออกมาให้ข่าวตามหลังว่า ไม่ได้ส่งทูตหรือเจ้าหน้าที่คนใดไปร่วมงาน สรุปแบบไม่ต้องรอผู้เชี่ยวชาญได้เลยว่างานนี้ลุงแซมอดทำหน้าที่พิทักษ์สันติภาพระหว่างแขกกับยิวแน่นอนเพราะยังไม่ทันไรก็หนุนหลังให้ยิวถล่มปาเลสไตน์รัวๆ จนมีเด็กเสียชีวิตถือเป็นเรื่องโหดร้ายมากจนยากทำใจ องค์การนิรโทษกรรมสากลประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่าเป็น“การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่น่าชิงชัง” นอกจากไม่ห้ามยิวแล้ว ลุงแซมยังโทษว่ากลุ่มฮามาสเป็นฝ่ายยั่วยุ มิหนำซ้ำยังขัดขวางความพยายามในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็น ที่ต้องการตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบความรุนแรงที่เกิดขึ้น สรุปได้ทันทีว่าลุงแซมกลายพันธุ์ ไปอยู่ในสปีชีส์เดียวกับจระเข้เล็กที่ชอบกินไก่ในน้ำไปเรียบร้อยแล้ว
.......................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี