หันมองรอบตัวมีแต่เรื่องปวดหัวที่สุด ลุงทรัมป์ช่างขยันสร้างเรื่องราวให้ชาวโลกกุมขมับ เพราะความไร้หลักการของลุง นอกจากจะพาอเมริกาดิ่งลงเหวแล้ว ยังลากชาวบ้านพลอยซวยร่วงตามลุงไปด้วยหลายชาติ โดยเฉพาะชาติลูกหาบทั้งหลายที่เกาะขาลูกพี่ไว้แน่น ส่วนชาติไหนรู้ทันสันดานนักเลงโลกก็ออกมายืนเท้าสะเอวด่าปาวๆ หรือหันไปจับมือจูบปากกับประเทศที่เป็นศัตรูของลุงซะงั้น
ไม่เชื่อก็หันไปมองอิหร่านที่ลุงแซมพยายามคว่ำบาตรครั้งแล้วครั้งเล่า และเพิ่งเจอจัดหนักรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ในรัฐบาลตาทรัมป์เมื่อเดือนก่อน แทนที่อิหร่านจะหงอ กลับชูกำปั้นแล้วด่ากลับ แถมหลายประเทศยังยื่นมือไปจับมือค้าขายกับอิหร่านแบบไม่แคร์ไอ้นักเลงโลกที่ยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ปากตรอก
ประเทศที่ยิ้มแย้มแจ่มใสกับอิหร่านคือพี่หมีขาว พญามังกร และอินเดีย จะว่าไปแล้วบังประกาศเป็นประเทศไม่ควักไข่ฝ่ายใดมาหลายทศวรรษแล้ว แต่พูดกันแบบไม่กั๊กคือบังรักทุกคนที่ค้าขายกับบัง ทำนองสิบบาทไปสิบเอ็ดบาทมานะนายจ๋า
ศัตรูเก่าก็เยอะอยู่แล้ว พอทรัมป์รั้งบังเหียนประเทศเป็นประธานาธิบดียิ่งเตลิดเปิดเปิงไปแบบกู่ไม่กลับ เพราะพ่อเจ้าพระคุณท้าทายขยายความกร่างและกวนตีนไม่เว้น โดยเฉพาะตัวลุงทรัมป์เองนี่แหละที่หันไปกัดกับชาวบ้านรอบโลก แถมยังไม่สะใจโก๋แก่ ลุงเล่นทวีตรัวๆ จิกเรียกผู้นำประเทศอื่น อย่างเรียกคิมน้อยว่า “มนุษย์จรวด” บ้าง หรือหันไปด่ากราดประเทศแถวอเมริกากลางและแอฟริกาว่าเป็นประเทศโสโครกบ้าง
ตลกร้ายที่คนอเมริกันขำไม่ออกคือ เมียคนสวยของลุงรณรงค์เรื่องการไม่ป่วนหรือกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน แต่สามีของนางนั่นแหละที่เป็นคนไล่แกว่งปากแซะบ้างด่าทอบ้างไม่เว้นแต่ละวัน แม้ช่วงนี้ลุงราวีกับประเทศโน้นประเทศนี้ แต่อยากชวนคุยถึงเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องภายในอเมริกา แต่ส่งผลกระทบต่อทั้งโลก นันคือเรื่องโลกร้อน
ปัญหาเรื่องโลกร้อนเป็นประเด็นหลักที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ ในปี 2015 มีการประชุมที่ปารีสว่าด้วยการลดก๊าซที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกเพื่อขจัดต้นตอของภาวะโลกร้อน 197 ประเทศทั่วโลกพร้อมใจกันลงนามรับรองข้อตกลงดังกล่าวที่ปารีส
นาทีนี้ทั้งโลกต่างรู้เรื่องโลกร้อนอันเกิดจากภาวะเรือนกระจกกันทั่วหน้า จึงหันมาปรึกษากันเพื่อร่วมมือในการลดก๊าซอันทำให้เกิดปรากฎการณ์เรือนกระจก อันทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยประเทศที่ก่อปัญหาก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่อันดับหนึ่งคือ จีน และอันดับสองคืออเมริกา ทั้งสองประเทศปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกรวมกันเป็นสัดส่วนถึง 40 เปอร์เซนต์ เรียกว่าแทบจะครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
หากทุกประเทศไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีที่ให้ไว้ต่อข้อตกลงภูมิอากาศปารีสอย่างจริงจัง ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมบ้านเราด้วยอีกนั่นแหละ มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะเผชิญกับวิกฤตความยากจนและหายนะข้อตกลงภูมิอากาศปารีสซึ่งผู้แทนจาก 195 ประเทศได้ร่วมลงนามเมื่อปี 2015 กำหนดให้มีการควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้สูงขึ้นไม่เกิน 1.5-2 องศาเซลเซียส จากระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม
ในยุครัฐบาลโอบาม่าได้มีการให้คำมั่นสัญญาว่าจะร่วมมือลดปัญหาโลกร้อนด้วยการให้สัญญาว่าจะลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 26-28% จากระดับเมื่อปี 2005 ภายในปี 2025 แต่พอมาถึงยุคลุงทรัมป์ผมเป๋ ลุงแกดันอยากปลุกผีขึ้นใหม่ด้วยการหันหลังกลับไปใช้พลังงานถ่านหิน แม้ถ่านหินถือเป็นแหล่งพลังงานที่สกปรกและสร้างมลพิษรายสำคัญก็ตาม แถมอเมริกายังถอนตัวออกจากข้อตกลงภูมิอากาศปารีส ปี 2015 เล่นเอาชาวโลกด่าอเมริกาลั่นโลก
ที่ต่ำทรามไปกว่านั้นคือ รัฐบาลเตรียมจัดทำแผนอุดหนุนโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินและนิวเคลียร์ โดยยกเรื่องความมั่นคงของชาติมาเป็นข้ออ้าง ทำเนียบขาวออกมาแถลงว่า
“การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้แข็งแรงปลอดภัยถือเป็นการช่วยปกป้องความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัยสาธารณะ และเศรษฐกิจจากการถูกต่างชาติโจมตี หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ”
รายงานจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า อาจรวมถึงการบังคับให้องค์กรดูแลระบบส่งไฟฟ้า (grid operators) ต้องรับเอาไฟฟ้าจากโรงงานถ่านหินและนิวเคลียร์มาจ่ายให้ประชาชนใช้ด้วย
ถ่านหินและพลังงานนิวเคลียร์มีส่วนแบ่งตลาดพลังงานลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากคนหันไปใช้น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทดแทนอื่นๆ มากขึ้น เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะตาทรัมป์มีเอี่ยวในธุรกิจถ่านหินนั่นแหละถึงได้หนุนสุดติ่งกระดิ่งแมวขนาดนี้
เรื่องนี้ถือเป็นการผลักภาระให้ประชาชนแท้ๆ เพราะจะยิ่งทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น ถือเป็นความซวยมหาซวยของอเมริกันที่ต้องใช้พลังงานถ่านหินอันแสนสกปรกแถมต้องแบกรับภาระค่าไฟจนกระอักนั่นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี