การโยกย้ายข้าราชการดีไปทำงานในที่ที่แย่กว่า หรือที่ที่ไม่สะท้อนถึงความเจริญเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงาน ดูจะเป็นเรื่องที่แย่แล้ว การออกมาให้สัมภาษณ์แบบแถไถ ประหนึ่งว่าประชาชนประเทศนี้ จะพูดอะไรให้ฟังก็ได้ เพราะคิดอะไรไม่เป็น ดูจะเป็นเรื่องที่แย่กว่า
ทันทีที่ข่าวการโยกย้ายนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร จากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ถูกรื้อฟื้นขึ้นมา พร้อมกับคำถามมากมายจากสังคมที่ไม่เห็นด้วยกับการโยกย้ายผู้ว่าฯ น้ำดีจากจังหวัดใหญ่ไปดูแลจังหวัดที่เล็กกว่า มท.1 และ นายกรัฐมนตรี ต่างออกมาให้สัมภาษณ์ชี้แจงแสดงเหตุผลอันชอบธรรมแห่งการตัดสินใจโยกย้ายผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นวีรบุรุษของคนทั้งประเทศไปแล้ว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร เป็นน้ำดีของกระทรวงมหาดไทย เป็นคนที่ต้องมีความก้าวหน้าและความเจริญเติบโตอย่างแน่นอน แต่ที่ผ่านมาการดำเนินการกับหน่วยงานอื่น ก็จะมีความไม่ราบรื่นบ้าง แม้ว่าขณะนี้จะพอพูดคุยกันรู้เรื่อง พล.อ.อนุพงษ์ ยังยืนยันว่า ในพื้นที่ที่มีการทุจริตประพฤติมิชอบ กระทรวงมหาดไทย จะยืนเคียงข้างผู้ว่าฯ ที่จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้องทั้งหลาย พร้อมให้อำนาจผู้ว่าฯ ดำเนินการได้เต็มที่ หากสามารถดำเนินการเอาผิดอะไรก็แล้วแต่
รุ่งขึ้นวันที่ 3 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการโยกย้ายนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ว่า การปรับดังกล่าวเป็นการย้ายตามรอบปกติของกระทรวงมหาดไทย คิดว่า หากเป็นคนดีไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็เจริญ ไม่ได้หมายความว่ามีข้อบกพร่องอะไร แต่การย้ายไปเพื่อต้องการให้ผู้ที่มีฝีมือไปพัฒนาพื้นที่ที่อาจยังไม่มีการพัฒนา
คำชี้แจงเกี่ยวกับการโยกย้ายผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ของ พล.อ.อนุพงษ์และ พล.อ.ประยุทธ์ มีทั้งที่เหมือนกันและที่ต่างกัน
ที่เหมือนกันคือ ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ เป็นคนดีมีฝีมือ อยู่ที่ไหนก็ก้าวหน้า ก็เจริญ
ที่ต่างกันคือ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ไม่มีข้อบกพร่องอะไร แต่ที่ย้ายไปเพื่อต้องการให้ไปพัฒนาพื้นที่ที่อาจยังไม่มีการพัฒนา ในขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ บอกว่า ที่ผ่านมาการทำงานของผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ กับหน่วยงานอื่น มีความไม่ราบรื่นบ้าง แม้ว่าขณะนี้จะพอพูดคุยกันรู้เรื่อง และยังยืนยันว่า ในพื้นที่ที่มีการทุจริตประพฤติมิชอบ กระทรวงมหาดไทย จะยืนเคียงข้างผู้ว่าฯ ที่จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้องทั้งหลาย
คำชี้แจงของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่ว่า “ที่ผ่านมาการทำงานของผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ กับหน่วยงานอื่น มีความไม่ราบรื่นบ้าง” นั้น น่าสนใจยิ่ง !
น่าสนใจ เพราะก่อนถูกโยกย้าย ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ไม่ยอมเซ็นอนุมัติงบก่อสร้างกว่า 20 โครงการ ที่นักการเมืองท้องถิ่นเสนอขึ้นมาด้วยเห็นว่าไม่ถูกต้องบ้าง ไม่ชอบมาพากลบ้าง ไม่เป็นประโยชน์บ้าง
กรณีที่มีการพูดกันอย่างมากคือ การไม่เซ็นอนุมัติ ให้เทศบาลนครเชียงรายก่อสร้างอนุสาวรีย์ช้างคู่บารมีพญามังราย ที่ริมแม่น้ำกก มูลค่า 32 ล้านบาท เนื่องจากพบว่า พื้นที่ก่อสร้างเป็นพื้นที่ที่รุกล้ำเข้าไปในลำน้ำธรรมชาติ และมีพิรุธอื่นๆ ที่ส่อแววว่าจะมีการทุจริต อย่างเช่น ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้รับเหมา เป็นต้น
อีกกรณีหนึ่งคือ การสั่งไม่อนุมัติโครงการสร้าง “ตุง” มูลค่า 50 ล้านบาท เพื่อเป็นสัญลักษณ์กลางเมืองเชียงราย โดยผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ เห็นว่าโครงการนี้ทำผิดขั้นตอน ใช้วิธีพิเศษไม่เปิดประมูลแข่งขันตามระเบียบราชการ จึงให้กลับไปทบทวนใหม่
นอกจากนี้ ยังมีโครงการสร้างโรงแยกขยะมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ที่นัยว่าสร้างแล้วเปิดใช้งานไม่ได้ โครงการสร้างรูปปั้นปลาบึกที่อำเภอเชียงของ หรือโครงการก่อสร้างอื่นๆ ในอีกหลายพื้นที่ที่ส่อเค้าว่าใช้งบประมาณเกินจริง ล้วนถูกผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์สั่งตรวจสอบย้อนหลังทั้งสิ้น
ในคราวไม่เซ็นอนุมัติโครงการก่อสร้างอนุสาวรีย์ช้างคู่บารมีพญามังราย เนื่องจากผิดกฎหมายและหากอนุมัติก็อาจต้องถูกดำเนินคดีนั้น ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ยังเปิดเผยด้วยว่างบประมาณก้อนนี้สามารถผันไปใช้เป็นการพัฒนาด้านอื่นได้กว่า 31 โครงการ เช่น ถนน แหล่งน้ำ แต่ปรากฎว่าก็ไม่เอากัน
“ผมเป็นผู้ว่าฯ ผมมีหน้าที่คุมทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎกติกา ท่านรู้ไหมเชียงรายที่ผ่านมาศักยภาพมันควรจะเจริญขนาดไหน งบประมาณ 100 บาท มันควรจะลงให้ถึง 100 บาทหรืออย่างน้อย 90 บาท วันนี้ลงแค่ 30-40 บาท เขาถึงส่งผมมา วันนี้ 20 กว่าโครงการ ผมเซ็นไม่ได้เพราะมันผิดกติกาหมด ผมยอมไปที่ไหนก็ได้แต่ผมจะไม่ยอมเซ็นโครงการที่ผิดเพราะรู้ว่าผิด ผมยอมย้ายไปที่ไหนก็ได้ ถ้าไปแล้วไม่ปวดหัวอย่างนี้”
สุดท้าย ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ก็ถูกสั่งย้ายพ้นจังหวัดเชียงรายไปจริงๆ !!
นี่คือ ชะตากรรมของผู้ว่าฯ ที่มีฝีมือและไม่มีข้อบกพร่องอะไรของ พล.อ.ประยุทธ์ !
คือ ชะตากรรมของผู้ว่าฯ น้ำดี
“แต่ที่ผ่านมาการดำเนินการกับหน่วยงานอื่น ก็จะมีความไม่ราบรื่นบ้าง” ของ พล.อ.อนุพงษ์ !
คือ ชะตากรรมของผู้ว่าฯ ที่ไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมืองท้องถิ่น ที่ พล.อ.อนุพงษ์ บอกว่า “กระทรวงมหาดไทย จะยืนเคียงข้างผู้ว่าฯ ที่จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้องทั้งหลาย ในพื้นที่ที่มีการทุจริตประพฤติมิชอบ” !
ย้อนหลังไปเมื่อครั้งยึดอำนาจใหม่ๆ คสช. ได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 69/2557 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ ลงวันที่ 18 มิถุนายน พศ. 2557 มีเนื้อหาให้หัวหน้าส่วนราชการและ หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ มีหน้าที่ในการควบคุม กำกับดูแลการจัดซื้อจัดจ้างของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 อย่างเคร่งครัด ทั้งให้บังคับใช้มาตรการทางวินัย มาตรการทางปกครอง และมาตรการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว ต่อข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีการกล่าวหาหรือพบเหตุอันควรสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบ ทั้งในฐานะตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน
ผ่านวันออกคำสั่งดังกล่าวไปเพียง 2 เดือน นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เวลานั้น แถลงว่า มีจำนวนเรื่องที่เสนอเข้าพิจารณาถึงกว่า 534 เรื่อง
นอกจากนี้ยังมีการระบุว่า หน่วยงานที่มีข้าราชการถูกร้องเรียนมากที่สุดคือ กระทรวงมหาดไทย เนื่องจากมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายหน่วยงาน
การทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมืองท้องถิ่นและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเช่นว่านี้ มีมานานและตลอดเวลา ผู้บริหารประเทศทุกยุคทุกสมัยรู้ และ คสช. ก็รู้
พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะ มท.1 ต้องรู้ และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ในฐานะปลัดกระทรวงมหาดไทย ยิ่งต้องรู้
แต่ที่การทุจริตคอร์รัปชันในท้องถิ่นปราบไม่ได้และปราบไม่หมด เพราะนักการเมืองท้องถิ่นมีฤทธิ์เดชมาก มีฐานเสียงในท้องถิ่นที่การเมืองส่วนกลางต้องเกรงใจ ถ้าไม่อยากให้พวกนี้หงุดหงิด หันไปสนับสนุนคนอื่น ก็ต้องประนีประนอมกับคนพวกนี้
เหตุผลแบบนี้ผู้คนเขารู้กัน
การที่ผู้ว่าฯ น้ำดี ถูกย้ายออกจากพื้นที่ เพราะทำงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ราบรื่นนั้น ประชาชนเขาคิดเป็น
เพียงแต่พวกเขาจะอดทนต่อสิ่งเหล่านี้ได้นานเพียงไรเท่านั้น
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
สำนักที่ปรึกษาร้อยชักสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี