มนุษย์เป็นเจ้าของชะตากรรมของตนในสนามรบแห่งจิตของตน
มนุษย์ยังสามารถเอาชนะครอบครองโลกทั้งหลายมาตั้งพันๆครั้งได้
และสามารถหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า
แต่ในการที่จะทำเช่นนี้ได้ มนุษย์จะต้องเข้าใจลักษณะของกรรม
ซึ่งเป็นหลักที่ปกครองควบคุมโลกทั้งภายนอกภายในเสียก่อน
Francis Story
ผมเขียนเรื่อง “จารีต ขนบธรรมเนียม ประเพณี” มาหลายครั้งในคอลัมน์นี้ แม้หลายอย่างจะล้าสมัยและบ้างก็ขัดกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน แต่โดย “ภาพรวมและหลักการ”ผมก็ยังเห็นคุณค่าและประโยชน์ของสิ่งเหล่านี้อยู่ โดยเฉพาะประเพณีทางพุทธศาสนาและที่เกี่ยวข้อง...
ไม่ว่าจะเกิดในวังหรือในวัด
ในเมืองหรือในป่า
เพราะในมุมมองของ “ทฤษฎีนิเวศปรมัตถ์” นั้นทั้งหมดคือ “เครือข่ายแห่งจิตวิญญาณ” ของสังคมไทยที่ยึดโยงคนไว้ด้วยกัน
แต่พลันที่มีทฤษฎีอื่น ลัทธิ – อุดมการณ์อื่นเข้ามาในสังคมไทย “เครือข่ายแห่งจิตวิญญาณ”ดังกล่าวก็โดนบ่อนเซาะด้วยความมุ่งหวังจะทำลายให้สิ้นซาก ซึ่งผมก็ยอมรับว่าทฤษฎีอื่น ลัทธิ –อุดมการณ์อื่นทำได้ผลพอสมควร
ทฤษฎี ลัทธิ – อุดมการณ์ที่บ่อนเซาะเครือข่ายแห่งจิตวิญญาณของสังคมไทยมากที่สุดก็คือ
คอมมิวนิสม์ รองลงมาก็คือ ลิเบอรัล ลัทธิคอมมิวนิสม์ นั้นต้องการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในสังคมให้สิ้นซากเพื่อจะได้สร้างสังคมใหม่ขึ้นมาตามภาพฝันของมัน
ลัทธิลิเบอรัลนั้นต้องการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างในสังคมให้สิ้นซากเหมือนกันที่มันเห็นว่าจำกัดขอบเขต จำกัดสิทธิและเสรีภาพของมัน
ทั้ง 2 ลัทธินี้ปฏิเสธเรื่องของ “จิตใจ” เหมือนกัน
พวกเขาเชื่อว่าในสากลจักรวาลและในตัวมนุษย์นั้นไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “จิตใจ” หรือจิตวิญญาณ มีแต่ “วัตถุ” (วัตถุนิยม) ล้วนๆความรู้สึกนึกคิดก็เป็นเรื่องของเส้นประสาทที่ทำหน้าที่รับรู้แล้วเข้าไปประมวลผลในสมองซึ่งทั้งหมดก็เป็นวัตถุ
เมื่อโลก จักรวาลอันเกินคาดหยั่ง รวมทั้งสรรพชีวิตล้วนแต่เป็นวัตถุทุกสิ่งทุกอย่างจึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ชาตินี้ – ชาติหน้า” ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “กรรมและวิบาก”ชีวิตของแต่ละคนคือวัตถุที่เคลื่อนที่ได้ เกิดขึ้นจากการผสมพันธุ์กันของอสุจิเพศผู้กับไข่ของเพศเมียเติบโตด้วยอาหาร และก็เจ็บป่วยหรือแก่เฒ่าตายไปตายแล้วก็จบกัน ไม่มี “อะไร” ต่อจากนั้น
ความดีและความชั่วก็เป็นเรื่องชั่วคราว เป็นสิ่งสัมพัทธ์...เปลี่ยนแปลงได้ เช่นเดียวกับค่านิยมรสนิยม หรือตามความพอใจของสังคม
จารีต ขนบธรรมเนียม ประเพณีก็เช่นกัน
ดังนั้นจึงไม่ควรไปให้คุณค่าหรือเห็นความสำคัญกับเรื่องพวกนี้แต่อย่างใดเพราะไม่เพียงเป็นเรื่องไร้สาระ หากแต่มันจึงจองจำผู้คนไว้อีกด้วย มันจำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้คนทั้งยังปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ กระทั่งหยุดยั้งการพัฒนาประเทศอีกด้วย
ความคิด - ความเชื่อที่ผมประมวลมาข้างต้นนี้ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่เป็น“คอมมิวนิสต์และลิเบอรัลไทย” จะคิดและเชื่อเหมือนกันหมดหรือเท่ากันหมดแต่โดยพื้นฐานพวกเขาปฏิเสธ “มรดกทางวัฒนธรรม” ในสังคมไทยหรือเครือข่างแห่งจิตวิญญาณเหมือนกัน
พวกลิเบอรัลหรือพวกเสรีนิยมนั้น...พระพุทธศาสนาเรียกคนประเภทนี้ว่า “นาสติกะ” หรือพวกที่ปฏิเสธหลักศีลธรรมและหลักศาสนาทั้งหมด กับพวก “โลกายติกะ” คือ พวกวัตถุนิยมสมัยใหม่ที่ยินดีปรีดาในการส้องเสพวัตถุโดยไม่สนใจเรื่องจิตใจ และพร้อมจะบ่อนเซาะ ปฏิเสธทำลายทุกอย่างที่ขัดขวางความคิด – ความเชื่อของตน
บางพวกกระทำโดยคิดว่าเป็นสิ่งโก้เก๋ ทันสมัย บางพวกกระทำโดยผ่านการเมือง
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะกระทำอะไร อย่างไร มากหรือน้อยแค่ไหนทุกสิ่งที่เขากระทำก็ไม่อาจสลัดหลุดไปจากวิบากได้
เมื่อเขากระทำคนเดียวก็เป็นวิบากของเขา ถ้ากระทำผ่านสังคมก็เป็นทั้งวิบากของเขาเองและสังคมและคนทุกคนในสังคมจะได้รับผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือหลบหนีไปไหนได้
“เด็ดดอกไม้กระเทือนถึงดวงดาว”
สิ่งเดียวที่เราจะทำได้ก็คือ ฝึกสติสัมปชัญญะเพื่อให้เกิดปัญญาเป็นการสร้างกรรมและวิบากที่ดีแก่ตนเองและสังคม ทั้งยังเป็นภูมิคุ้มกันตนเองและสังคมไปพร้อมกัน
มันจะเป็นเครือข่ายแห่งจิตวิญญาณอีกอย่างหนึ่ง ที่แข็งแรงมั่นคงกว่าจารีต ขนบธรรมเนียมประเพณีมากมายนัก
เพราะมันเป็นเรื่องการพัฒนาศักยภาพแห่งความเป็นมนุษย์ของเรา ที่จะไม่มีลัทธิ-อุดมการณ์ใดบ่อนเซาะหรือทำลายได้ และเราจะได้เห็นว่าความคิด – ความเชื่อ ทฤษฎี ลัทธิอุดมการณ์ใดๆในโลกนี้ล้วนไร้สาระ ซ้ำยังทำให้มนุษย์แตกแยก - เข่นฆ่าทำลายล้างกันอย่างบ้าคลั่งมานับแต่มีมนุษย์คนแรกๆ...
ถ้ามันไม่เป็นสัมมาทิฎฐิ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี