เมื่อเร็วๆ นี้ สิงคโปร์ยื่นขอจดทะเบียนสิทธิบัตรจากยูเนสโก ให้ฟู้ดสตรีทเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ที่จับต้องไม่ได้ (intangible) ตามคำประกาศของนายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง ทำเอาชาวมาเลเซียควันออกหูออกมาต่อต้านการดำเนินการดังกล่าวอย่างฉุนเฉียว ซึ่งก็อ้างว่ามีร้านอาหารริมทางของตัวเองมานาน
กระแสความไม่พอใจของชาวมาเลเซีย เกิดขึ้นเนื่องจากชาวมาเลเซียมองว่า อาหารริมทางของตนเองนั้นดีกว่ามาก มีความคล้ายคลึงกับอาหารริมทางในสิงคโปร์ หากจะพูดถึงเรื่องพ่อค้าหาบเร่ สิงคโปร์ไม่ใช่ประเทศเดียวที่มีวัฒนธรรมพ่อค้าแม่ค้าริมทาง เพราะอีกหลายประเทศล้วนแต่มีศูนย์อาหารหาบเร่ เช่น ไทย ญี่ปุ่น จีน อินโดนีเซีย ฯลฯ ดังนั้นการขอจดสิทธิบัตรกับยูเนสโกเพียงประเทศเดียวจึงไม่สมเหตุสมผล
บูทร้านค้าในศูนย์อาหารสิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นประเทศที่เล็กที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติใดเหมือนประเทศอื่น แต่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี เพราะสิงคโปร์พัฒนาเศรษฐกิจด้านการค้า โดยเป็นประเทศพ่อค้าคนกลางในการซื้อขายสินค้า เป็นท่าเรือขนส่งสินค้าปลอดภาษี ทำให้สินค้าที่ผ่านสิงคโปร์มีราคาถูก ปัจจุบันสิงคโปร์มีท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ และทันสมัยที่สุดในโลกประเทศหนึ่งและยังได้เข้าไปลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชาและพม่า สิงคโปร์มีประชากรน้อยจึงต้องพึ่งพาแรงงานจากต่างชาติในทุกระดับ สิงคโปร์เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีฐานะทางเศรษฐกิจและการเงินที่มั่งคั่งที่สุดประเทศหนึ่งในโลก
บนพื้นที่เพียง 900 ตารางกิโลเมตรพอๆ กับเกาะภูเก็ตของเรา ปัจจุบันประกอบด้วยประชากรประมาณ 7 ล้านคน เป็นชาวจีนประมาณ 70 % ชาวมลายู 14% ชาวอินเดีย 8% ชาวยุโรปเจ้าอาณานิคมเดิมอีกส่วนหนึ่ง จึงมีประชากรที่ค่อนข้างจะแตกต่างกันทั้งทางวัฒนธรรมและภาษา ลำพังชาวจีนยังแยกเป็นอีกหลายกลุ่ม เช่น ฮกเกี้ยน ฮากกา แต้จิ๋ว กวางตุ้ง เป็นต้น
วัฒนธรรมการกินจึงมีอยู่หลากหลายรวมถึงอาหารของเหล่าลูกของพวกเปอรานากัน หรือนอนญ่า เมื่อประมาณ 40 กว่าปีก่อน บรรดาร้านอาหารแผงลอยจะจอดขายกันเกลื่อนตามใจชอบ ต่อมารัฐบาลได้จัดระเบียบด้วยการสร้างศูนย์อาหารทั่วเมืองเรียก Food Court หรือ Hocker Center จัดให้เหล่าแผงลอยเข้าไปขายโดยมีการควบคุมความเป็นระเบียบและความสะอาด อีกทั้งเป็นการชุมนุมอาหารนานาวัฒนธรรมที่นิยมกัน มีแม้กระทั่งแผงขายอาหารไทยด้วยซ้ำไป
Food Court ที่ไชน่าทาวน์
น่าจะเป็นศูนย์อาหารที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะแห่งนี้ ประกอบด้วยแผงขายอาหารหลากชนิดกว่า 260 แผง มีอาหารหลากหลายตั้งแต่อาหารพื้นบ้านจนถึงสำหรับนักชิมผู้ต้องการค้นหาอาหารรายการใหม่ๆ โดยไม่ต้องสงสัยถึงรสชาติเพราะคนจีนเป็นนักกินอยู่แล้ว
แผงขายเป็ดย่างหมูกรอบแบบฮ่องกงในศูนย์อาหารไชน่าทาวน์
หน้าตาร้านเป็ดย่าง โจ๊ก แบบของฮ่องกง ดูมีบรรยากาศ
ลูกชิ้นปลาและเกี๊ยวปลาน้ำใส
ลูกชิ้นปลาของสิงคโปร์ลูกใหญ่เนื้อปลาเนียนละเมียด อีกทั้งเกี๊ยวปลาก็ไม่มีกลิ่นคาว ต้มน้ำใสจะให้ใส่เส้นอะไรก็ได้ บางคนแอบบอกว่าตัวลูกชิ้นนั้นสั่งทำจากภูเก็ตและกระบี่
ก๋วยเตี๋ยวผัด
คนสิงคโปร์นิยมกินก๋วยเตี๋ยวผัดและเส้นหมี่ผัด แต่มักขยี้เส้นจนแหลก บางสูตรผัดใส่หอยแครงแกะเปลือก
อาหารทะเลแบบจีน
ความที่เป็นเมืองมีทะเลล้อมรอบเป็นเกาะ เขาจึงคุ้นเคยกับบรรดากุ้งหอยปูปลา หลายๆ จานก็ทำแบบกวางตุ้ง เจ้านี้มาจากย่าน “มงก๊ก” ของฮ่องกง
ข้าวมันไก่ไหหลำ
เกาะสิงคโปร์ประกอบด้วยชาวไหหลำในสัดส่วนที่มากพอควร ข้าวมันไก่ได้รับความนิยมอย่างสูงจนสามารถหากินได้ทั่วไป จนครั้งหนึ่งคนสิงคโปร์เผลอตั้งชื่อ ว่า “Singapore Chicken Rice” จนถูกค้านจึงหันกลับไปเรียกข้าวมันไก่ไหหลำอย่างเดิม
ราคาไก่บ้านจากมาเลย์เซีย (Kampung)ซึ่งแพงกว่าไก่เลี้ยง
ทุเรียนจากไทยถือว่าเป็นทุเรียนชั้นดี
Newton Food Center
เป็นศูนย์อาหารเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1971 บรรยากาศโล่งโปร่ง ลมโชยเย็นระรื่น บริเวณกว้างขวาง ลูกค้าส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวมากกว่าคนพื้นเมือง มีอาหารพื้นเมืองของทั้งจีนและอินเดียหลายเจ้า เช่น ปลากระเบนราดเครื่องแกงย่างบนใบตอง ข้าวแกงอินเดีย อาหารจีนทั้งชนิดฮกเกี้ยน กวางตุ้ง ไหหลำ แต้จิ๋ว รวมทั้งเป็นแหล่งชุมนุมอาหารมังสวิรัต
บรรยากาศในสวนอาหารกลางแจ้ง Newton Food Center
อาหมวยจากประเทศไทยยึดปูไว้ทั้งตัว
เป็นสวนอาหารที่มีสภาพแวดล้อมเป็น Street Food มากกว่าศูนย์อาหารติดแอร์ในร่ม ซึ่งสิงคโปร์มีมากกว่า 100 แห่ง คนท้องถิ่นไม่นิยมมาที่นี่กันนัก ถือว่าเป็นร้านของนักท่องเที่ยว พอเอ่ยถึงเขาจะพูดแบบเหยียดๆ เล็กน้อย แต่ถ้าใครไม่เคยมาจะชอบเพราะสถานที่เปิดโล่ง เห็นความเคลื่อนไหวของผู้คน ท่ามกลางตึกสูงที่เรียงรายไปทั่วเกาะ
Food Opera ION
ศูนย์อาหารทันสมัย อยู่ในแหล่งช้อปปิ้งที่ถนนออชาร์ด อยู่ในสถานีรถไฟใต้ดิน หลังจากได้ปิดปรับปรุง ได้เผยโฉมใหม่ พร้อมด้วยความหรูหราทันสมัยสมกับอยู่บนถนนสายสำคัญของประเทศ แม้จะเป็นศูนย์อาหารขนาดไม่ใหญ่มีเพียง 27 ร้าน ล้วนแล้วแต่ได้รับการเลือกเฟ้นเฉพาะร้านเด่นดังมีชื่อเสียงของสิงคโปร์
บะกุ๊ดเต๋ยู่ฮั้ว
ซุปซี่โครงหมูตุ๋นกับยาสมุนไพรจีน หอมกลิ่นพริกไทยโชยไปทั่ว โดยมากจะสั่งกินกับปาท่องโก๋ มีชาจีนให้เลือกหลายชนิดที่ชงมาแบบเข้มข้น อาจจะสั่งแบบใส่เส้นหมี่หรือเส้นหมี่ซั่วก็ไม่ผิดกติกาอันใด พรรคพวกชาวมาเลเซียเล่าให้ฟังว่า บะกู๊ดเต๋ นั้น มีต้นกำเนิดจากเมืองแกลง เมืองท่าใกล้กับกรุงกัวลาลัมเปอร์โดยกุลีจีนที่เก็บเศษสมุนไพรมาต้มกับซี่โครงหมู(เพราะมีราคาถูก) จนต่อมาได้แพร่หลายปรับปรุงสูตรเครื่องยาจีนจนลงตัว
อีกรายการยอดนิยมคือเต้าหู้หม้อดิน และซุปน้ำใสปลาช่อน
รวมของย่างต่างๆหลากหลายแบบฮ่องกง
ยืนหน้าร้านเผลอนึกว่าอยู่ที่ฮ่องกง ทั้งเป็ดย่างหมูหัน หมูแดง ไส้กรอก หน้าตาชวนท้าทายให้ลอง อดไม่ได้ต้องสั่งเป็ดย่างกับหมูแดง และเส้นหมี่ลวก ข้าวราดพะโล้มาชิม
ก๋วยเตี๋ยวเนื้อฮั่วเฮง
เป็นร้านเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1940 จุดเด่นที่เนื้อตุ๋นน้ำแดงเข้มข้นแบบไหหลำ และลูกชิ้นเนื้อ สืบทอดสูตรอาหารกันมาแบบไม่ขาดตกบกพร่อง มีแฟนประจำทุกรุ่นเป็นที่รู้จักกันทั่ว
ซูยี่ร้านนานาของทอด
เน้นอาหารจีนแคะจำพวกทอด เต้าหู้ทอด ปาท่องโก๋ยัดไส้ เป็นต้น ช่วงพักเที่ยงลูกค้ามากจนต้องเข้าคิวยาว
ปาดัง อาหารอินโดนีเซีย
ร้านโด่งดังจากเมืองปาดัง สุมาตราตะวันตก มีอาหารให้เลือกหลากหลายเหมือนร้านข้าวแกงในบ้านเรา อาหารทุกถาดทุกจานรับรองไม่ใส่ผงชูรส รสแกงผสานความเผ็ดและเครื่องเทศสมุนไพรอย่างลงตัว แซมรสเปรี้ยวจากน้ำมะขามแก้เลี่ยนแม้รสจะเข้มข้น แกงปลาและแกงไก่เป็นรายการยอดนิยม
ร้านอายัด
อายัดจากฮ่องกงโด่งดังมีสาขาไปทั่วโลกด้วยเมนูเป๋าฮื้ออันเชี่ยวชาญ (ที่บ้านเรามีอยู่ 2 สาขา) รายการยอดนิยมของที่นี่คือไก่ทอด บ้านเรา เป็นที่นิยมชมชอบด้วยติ่มซำแสนจะอมตะมีลูกค้าหนาแน่น ต้องจองโต๊ะล่วงหน้า อาหารร้านนี้แม้จะเป็นสูตรกวางตุ้ง แต่ก็ปรับวิธีการแบบสมัยใหม่
ลี่ซิน ลูกชิ้นปลาแต้จิ๋ว
ชาวสิงคโปร์มีอาหารที่ชมชอบอีกชนิดหนึ่งคือลูกชิ้นปลาน้ำใสตามแบบฉบับของแต้จิ๋ว มักใส่เส้นบะหมี่เปาะ (บะหมี่เส้นใหญ่เหมือนเฟตตูชินี) สามารถหากินได้ทั่วเกาะ ลูกชิ้นของ ลี่ซินขึ้นชื่อเพราะทำจากปลาสด 3 ชนิดตามสูตรของแต้จิ๋ว ไร้กลิ่นคาว น้ำแกงหวานหอมน่าชื่นใจ
ซินหลิวเส้นหมี่ทะเล
จุดเด่นของร้านนี้คือลูกค้าสามารถเลือกเครื่องเคราได้เองเช่น กุ้ง กั้ง เนื้อปู หอยเชลล์ รับประกันความสดจากมาเลเซีย สนนราคาเริ่มจาก 6.90$ ถึง 30$ ขึ้นอยู่กับการเลือกใส่เครื่องเคราทั้งหลาย
เกาะสิงคโปร์ตั้งแต่ห้ามหาบเร่แผงลอยตามท้องถนนเมื่อประมาณ 40 ก่อน ปัจจุบันร้านรวงต่างก็ย้ายเข้าศูนย์อาหารต่างๆ ที่มีมากกว่า 100 แห่ง ยังมี Food Court ที่น่าไปอีกหลายแห่ง เช่น Maxwell Road ซึ่งมีมากกว่า 100 ร้าน เป็นศูนย์อาหารที่คนสิงคโปร์ส่วนมากยกให้เป็นศูนย์อาหารที่คุณภาพดีที่สุด หรือศูนย์อาหารที่สนามบินเก่า อันเป็นที่นิยมของคนท้องถิ่น เพราะมีอาหารรสดีราคาถูกกว่าภัตตาคารครึ่งต่อครึ่ง เช่น ปูผัดผงกะหรี่ เย็นตาโฟ (Yong Tau Fu) ชนิดให้เลือกเครื่องเองที่มีมากกว่า 40 ชนิด
สวนอาหารขนาดใหญ่หน้าองค์พระที่นครปฐม
สำหรับประเทศไทยเรานั้น มีศูนย์อาหารมานมนานแล้ว จากโรงอาหารในโรงเรียน โรงอาหารตามกระทรวง กรม หน่วยงานใหญ่ๆ ทั้งหลาย หรือถ้าหากเป็นหาบเร่ตามถนนรนแคมตรอกซอกซอยนั้น เราก็มีมาตั้งแต่สมัยสร้างกรุงด้วยซ้ำไป จนเป็นสตรีทฟู้ดของแท้ คือวางขายบนบาทวิถีจนล้นต้องตั้งโต๊ะเก้าอี้บนพื้นถนน ทำให้ผู้คนเดินดินกินข้าวแกงข้างถนนเสี่ยงโดนรถราที่แล่นเฉี่ยวหลังคนกินให้เกิดความผูกพันกันเหนียวแน่น นัยว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรม อาหารริมทางของแท้
ตลาดน้ำลำลูกกา
สวนอาหารข้างสถานีรถไฟตลาดพลู
อีกทั้งตลาดน้ำใหม่และเก่าที่รื้อฟื้นเป็นแหล่งกินและเที่ยวทั่วประเทศอันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกโสดหนึ่ง
ศูนย์อาหารในห้างของไทย
สตรีทฟู้ด หรือร้านอาหารริมทางเท้ากลายเป็นเสน่ห์ที่สำคัญของกรุงเทพฯ และประเทศไทยไปแล้วเรียบร้อย เหมือนกลายเป็นจุดแลนด์มาร์คที่สามารถมองเห็นได้ทั่วไปในกรุงเทพฯ ทำให้คนในประเทศเองก็หาของกินได้ง่ายตลอด ในราคาไม่แพง และเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเช่นกัน เพราะเป็นเอกลักษณ์ของเมืองไทย
ซี.เอ็น.เอ็น. ได้ยกย่องให้ สตรีทฟู้ดของไทยเป็นอาหารอันดับหนึ่งของโลก ทั้งที่เยาวราช บางลำพู ตลาดพลู ถนนข้าวสาร เป็นต้น เปรียบเสมือนสินค้าท่องเที่ยวหนึ่งของไทย ที่แสดงวิถีความเป็นไทย และเสน่ห์ของอาหารที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักกันดี หากหาบเร่แผงลอยต้องถูกห้ามหรือจำกัดพื้นที่ บรรดาร้านเก่าแก่เคยผูกพันหายไป จะเกิดอะไรขึ้นถ้านักท่องเที่ยวจะหายไปแล้ว เจ้าของกิจการจะทำอย่างไร
FB : เถ่าชิ่วสุทัศน์ ศุกลรัตนเมธี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี