ชายฝั่งยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตาในเมืองพลีมัธ รัฐแมสซาชูเซตส์ยุคปัจจุบัน มีหินแกรนิตขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งสลักตัวเลข 1620 ไว้บนนั้น คนอเมริกันเรียกหินก้อนนี้ว่า “พลีมัธร็อก” เชื่อว่าเป็นจุดที่กลุ่มพิวริตันจากอังกฤษที่เดินทางมากับเรือเมย์ฟลาวเวอร์ขึ้นฝั่ง ณ จุดนี้
เมื่อชาวอังกฤษผู้เคร่งศรัทธาในศาสนาหนีภัย อันเกิดจากความขัดแย้งด้านความเชื่อทางศาสนาเดินทางมาสู่โลกใหม่ก็เรียกตนเองว่า “พิวกริมส์” มาขึ้นบกที่ชายหาดแห่งนี้เมื่อ 400 ปีก่อน คือในปี ค.ศ.1620 จึงสลักก้อนหินก้อนนี้ไว้เป็นพยานการมาถึงโลกใหม่
ในเวลานั้นอังกฤษตั้งอาณานิคมแห่งแรกในอเมริกาแล้ว คืออาณานิคมเจมส์ทาวน์ ชาวอังกฤษจำนวนมากอพยพไปยังอาณานิคมแห่งนี้ จนอาณานิคมขยายตัวใหญ่ขึ้น จากที่เดิมเป็นเพียงชุมชนเล็กๆ ก็มีการขยายตัวลงไปทางใต้ ซึ่งเป็นบริเวณตอนเหนือของแม่น้ำฮัดสัน
ชาวพิวริตันอยากย้ายไปตั้งชุมชนของตนเองเพื่อเสรีภาพในการนับถือศาสนานิกายที่ตนศรัทธา โดยกำหนดว่าจะไปตั้งถิ่นฐานบริเวณที่เป็นนิวยอร์กในปัจจุบัน ด้วยความหวังเต็มหัวใจว่าอย่างน้อยก็ยังสามารถเชื่อมโยงกับแผ่นดินแม่และอยู่ภายใต้รัฐบาลอังกฤษ โดยที่ไม่ถูกปราบปราบหรือจำกัดทางศาสนา
พวกพิวกริมส์และผู้โดยสารอื่นๆ จากเรือเมย์ฟลาวเวอร์ขึ้นฝั่งที่พลีมัธในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.1620 อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันคริสต์มาส ทุกคนอยู่ในสภาพอิดโรยและป่วยไข้จากสารพัดโรคระหว่างการเดินทาง ทั้งโรคลักปิดลักเปิด ปอดบวม ภาวะการขาดวิตามินซีและดี รวมทั้งไข้ที่แพร่ระบาดในเรือเมย์ฟลาวเวอร์ทำให้ทุกคนต้องอพยพขึ้นฝั่งแบบจำใจ
อินเดียนแดงในละแวกนั้นมีอยู่หลายเผ่า เมื่อเห็นคนผิวขาวบุกรุกมาจับจองแผ้วถางสร้างกระท่อมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่เรียกประชุมทุกเผ่าเพื่อเตรียมรับมือ ในขณะเดียวกันก็แสดงสัญญาณให้คนผิวขาวเห็นว่านี่คือแผ่นดินของอินเดียนแดง สัญญาณเหล่านี้สร้างความหวาดกลัวแก่ผู้มาใหม่ที่สุด
ชาวอาณานิคมเรียกสถานที่ที่ตนสร้างบ้านเรือนว่า “นิวพลีมัธ” เพื่อเป็นเกียรติแก่แผ่นดินเกิด จากนั้นก็สร้างบ้านเรือนท่ามกลางความหนาวเหน็บและหิวโหย จนกระทั่งวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ.1621 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างที่ชาวอาณานิคมกำลังสร้างบ้านเรือนและฝึกการใช้อาวุธอยู่นั้น อินเดียนแดงคนหนึ่งเดินเข้ามาในอาณานิคมอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัวแต่อย่างใด เมื่อชาวอาณานิคมยกปืนเล็งไป อินเดียนแดงรายนั้นก็ยิ้ม แล้วชูแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีอาวุธ แล้วพูดภาษาอังกฤษว่า
“Welcome Englishman” ยินดีต้อนรับพวกชาวอังกฤษ
จากนั้นก็ถามชาวอาณานิคมต่อเป็นภาษาอังกฤษว่า
“มีเบียร์หรือไม่”
ชาวอาณานิคมต่างตกตะลึงที่ได้ยินอินเดียนแดงกล่าวต้อนรับเป็นภาษาอังกฤษ จึงลดปืนลงแล้วเชื้อเชิญให้ร่วมกินดื่มกับพวกตน อินเดียนแดงคนนั้นคือ “ซาโมเซต” ซึ่งรู้ภาษาอังกฤษเพียงไม่กี่คำ แต่ถือว่ากล้าหาญมากที่ร่วมกินดื่มกับพวกชาวอาณานิคมและค้างคืนในอาณานิคมพลีมัธหนึ่งคืน แล้วจากไปในตอนเช้า
หลังจากที่ซาโมเซตกินดื่มกับชาวอาณานิคม ก็พอทำให้ชาวอาณานิคมเรียนรู้เกี่ยวกับแผ่นดินที่ตนมาลงหลักปักฐานและโครงกระดูกปริศนาเกลื่อนกลาดทั่วบริเวณ แต่เพราะภาษาอังกฤษของซาโมเซตจำกัดเพียงไม่กี่คำ จึงไม่อาจสื่อสารได้ดังใจ แต่อย่างน้อย ชาวอาณานิคมก็รู้ว่าในบริเวณที่มาสร้างบ้านเรือนเป็นชุมชนคือแผ่นดินของเผ่าพาทูเซต ซึ่งเสียชีวิตหมดเผ่าเพราะโรคระบาดก่อนหน้านี้
วันที่ 22 มีนาคม ซาโมเซตก็กลับมาที่อาณานิคมพร้อมสวอนโต อินเดียนแดงคนสุดท้ายของเผ่าพาทูเซตผู้ซึ่งสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคือสามารถพูดได้เป็นประโยค ไม่ใช่เป็นคำๆ กระท่อนกระแท่นแบบซาโมเซต สควอนโตเข้ามาในอาณานิคมเพื่อเจรจาสื่อสารให้ชาวอาณานิคมได้พบกับหัวหน้าเผ่าแมซซาซอยต์ แต่สควอนโตไม่ได้มามือเปล่า หากเอาปลาที่เพิ่งจับใหม่ๆ มาให้ด้วย
สิ่งที่ชาวอาณานิคมไม่รู้คือหัวหน้าเผ่าและอินเดียนแดงในเผ่าซุ่มรออยู่รายรอบอาณานิคม ทั้งสองฝ่ายต่างหยั่งเชิงกันไปมา ในที่สุดอินเดียนแดงที่มากับหัวหน้าเผ่าแมซซาซอยต์ประมาณ 60 คนก็ปรากฎตัว ในขณะที่ชายชาวอาณานิคมประชับปืนยาวในมือไว้มั่นพร้อมยิงทันที ในนาทีแห่งการเผชิญหน้านั้น สควอนโตเดินเข้าไปในอาณานิคมอย่างองอาจ พลางพูดภาษาอังกฤษเป็นประโยคยาวๆ ท่ามกลางความแปลกใจของชายชาวอาณานิคมที่พร้อมใจกันเล็งปืนมาที่สควอนโต
สควอนโตยิ้มให้อย่างเป็นมิตร วางคันธนูและกระบอกลูกศรลงกับพื้น ก่อนดึงปลาตัวหนึ่งออกมา พลางขุดดินเป็นหลุมเล็กๆ และวางปลาลงไป ชูเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดออกมาวางสมทบลงไปในหลุม จากนั้นก็กลบดินปิดปากหลุม
สควอนโตร้องบอกชาวอาณานิคมให้ได้ยินกันทั่วว่า หากอยากให้ข้าวโพดเติบโต จะต้องทำแบบนี้ เพราะปลาจะกลายเป็นปุ๋ยหล่อเลี้ยงให้ข้าวโพดเติบโต ที่สำคัญไม่ควรขุดหลุมลึกแบบที่ชาวอาณานิคมทำเพราะแสงแดดส่องไม่ถึง
ถือเป็นก้าวแรกของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างชาวอาณานิคมและอินเดียนแดงในเวลานั้น หากวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ.1621 อินเดียนแดงชื่อสควอนโตไม่ก้าวเข้าไปในอาณานิคมพลีมัธ ชาวอาณานิคมคงอดอยากล้มตายหมดอาณานิคม เท่ากับว่าสควอนโตเป็นครูสอนเพาะปลูกให้ชาวอาณานิคมให้รอดพ้นจากความตาย และเป็นทูตสันติภาพระหว่างชาวอาณานิคมกับอินเดียนแดงในเวลาต่อมา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี