นับว่าศาลรัฐธรรมนูญให้ความเป็นธรรมโดยยอมขยายเวลาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯขยายเวลาชี้แจงออกไปอีก 15 วันหรือไปจนถึงวันที่ 2 พ.ค.นี้ในคดีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานครั้งสุดท้ายในวันที่ 6 พ.ค. ก่อนที่จะกำหนดวันชี้ชะตา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งคาดว่าน่าจะไม่เกินกลางเดือน พ.ค. ท่ามกลางการลุ้นระลึกของคนทั้งประเทศว่าผลการวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร เพราะหากชี้ขาดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันสิ้นสภาพก็จะนำไปสู่การพลิกโฉมทางการเมืองครั้งสำคัญ
นักสังเกตุการณ์ทางการเมืองประมวลและประเมินความน่าจะเป็นในผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญแล้วสรุปว่ามีแนวโน้มที่จะออกมา 4 แนวทางด้วยกันคือ
แนวทางแรก. ศาลยกคำร้องด้วยเหตุผลคือ ศาลเห็นว่าในเมื่อ น.ส.ยิ่งลึกษณ์รวมถึงคณะรัฐมนตรีคนอื่นๆได้พ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุยุบสภาผู้แทนราษฏรเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมาไปแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะรัฐมนตรีชุดนี้ได้อีก
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือคำพิพากษาของศาลปกครองสูดสุดไม่ได้ระบุว่าการย้ายนายถวิลเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพียงแต่กระทำไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ประกอบกับนายกรัฐมนตรีมีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 จึงไม่เข้าข่ายมีความผิด
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่าแนวทางนี้มีโอกาสเป็นไปได้น้อยมากหากพิจารณาจากหลักฐานคือคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่ระบุว่าการย้าย นายถวิล ไม่ชอบด้วยกฏหมายและให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสมช.แก่ นายถวิล โดยเร็ว รวมทั้ง ข้อกฏหมายและเจตนาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ผิดอย่างชัดเจน
แนวทางที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นสภาพนายกฯเฉพาะตัวเพียงคนเดียวตามมาตรา 182 ของรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลที่ว่า การกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 266 และ 268 ว่าด้วยการแทรกแซงก่าวก่ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรม ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งเหมือนกับการพ้นจากตำแหน่งของ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จากกรณีไปออกรายการ”ชินไปบ่นไป” และกรณี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่แม้ถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดให้พ้นสภาพ แต่คณะรัฐมนตรีในขณะนั้นยังทำหน้าที่ต่อไปจนกระทั่งสภาผู้แทนราษฏรสรรหานายกฯคนใหม่
แนวทางที่ 3 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ บรรดารัฐมนตรีที่เคยร่วมประชุมเห็นชอบให้ย้ายนายถวิลเมื่อปี 2554 พ้นจากตำแหน่ง เพราะไม่เกี่ยวข้องกับคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันนี้ โดยรัฐมนตรีเมื่อปี 2554 มีเกือบ 10 คนที่ยังร่วมอยู่ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้
แนวทางที่ 4 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันสิ้นสภาพทั้งชุด โดยวินิจฉัยตามมาตรา 180 ที่บัญญัติว่า เมื่อนายกฯพ้นจากตำแหน่ง คณะรัฐมนตรีซึ่งแต่งตั้งโดยนายกฯก็ต้องสิ้นสภาพไปโดยปริยาย ซึ่งแนวทางนี้ถือว่าแรงที่สุด และรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลัวมากที่สุด ถึงกับขู่ว่าหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมาในแนวทางนี้จะไม่ยอมรับและเกิดกลียุคนองเลือดแน่นอน
เพราะฉะนั้นต้องรอลุ้นระทึกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะกล้าลงดาบประหารหรือจะเดินสายกลางคำนึงถึงหลักรัฐศาสตร์เพราะเกรงจะเกิดกลียุคนองเลือดตามคำขู่ของขบวนการเพื่อแม้ว
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี