พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ”บิ๊กตู่” หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เห็นทีต้องควบเก้าอี้อัศวินม้าขาวตัวที่สองนั่นคือนายกฯคนที่ 29 อย่างยากที่ปฏิเสธด้วยเสียงเรียกร้องของถนนทุกสายของประเทศไทยที่เห็นว่าคงไม่มีใครมีบารมีเหมาะสมเท่า “บิ๊กตู่”ภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้
ทุกอย่างกำลังเดินไปสู่แผนที่แห่งความสำเร็จหรือโรดแม็พของคสช.อย่างเป็นขั้นตอนโดยวันที่ 1 ส.ค.นี้จะมีการเปิดประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)นัดแรก จากนั้นวันที่ 7 ส.ค.ที่ประชุมสนช.จะเลือกนายกฯซึ่งจากเสียงสะท้อนของบรรดาผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นสนช.ต่างสนับสนุน
“บิ๊กตู่” เพราะฉะนั้นเชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไรพลิกโผ
ส่วนรายชื่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)”ประยุทธ์1”ซึ่งตามข่าวสีเขียวพรึ่บไปหมดนั้นก็อย่าได้แปลกใจ เพราะนับตั้งแต่คสช.เข้ามาควบคุมอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาและต้องคุมอำนาจต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในอีกราว 1 ปีข้างหน้าถือเป็นสถานการณ์ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการผลัดใบปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งจำเป็นอยู่เองที่ คสช.ต้องกระชับอำนาจในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อ่ให้แผนการจัดระเบียบประเทศอย่างยั่งยืนสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้และบ้านเมืองเข้ารูปเข้ารอยก่อนที่คสช.จะถอยฉากออกไป
ในบรรดารัฐมนตรีสีเขียวที่กำลังจะมีขึ้นที่ต้องจับตาก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรมว.กลาโหม หรือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่มีข่าวว่าคนใดคนหนึ่งจะได้นั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก ที่คาดว่าจะนั่งเก้าอี้รมว.มหาดไทยที่มีอำนาจคุมฝ่ายปกครองทั่วประเทศซึ่งในเมื่อครม.บิ๊กตู่มีอำนาจเต็มและคุมหน่วยงานด้านความมั่นคงสำคัญทั้งกลาโหมและมหาดไทยเช่นนี้ก็น่าที่จะสลายสิ่งชั่วร้ายจากอิทธิพลเครือข่ายระบอบทักษิณที่ฝังรากลึกในจังหวัดต่างๆได้ไม่ยากโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน
เพราะฉะนั้นอย่าไปสนใจว่าครม.บิ๊กตู่จะสีเขียวเข้มแค่ไหน แต่ขอให้ติดตามดูเจตนาและผลงานทั้งคสช.ครม.บิ๊กตู่ สนช. และสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ว่าจะสามารถแก้ปัญหาของประเทศได้อย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขจัดระบอบทักษิณซึ่งเป็นธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยอันเลวร้ายอันเป็นต้นเหตุของวิกฤติที่ทำลายชาติบ้านเมืองอย่างสาหัสในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่ง
ว่าสาเหตุที่คสช.ต้องอาสาเป็นอัศวินม้าขาวเข้ามาควบคุมอำนาจของประเทศก็เพราะประชาธิปไตย
ช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาล้มเหลวเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น ทำลายคุณธรรมในระบบราชการ
และนำพาประเทศไปสู่ความเป็นรัฐล้มเหลว
นั่นแสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจต้นตอวิกฤติของประเทศในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างดีเพราะฉะนั้นต้องปฏิรูปประเทศขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณไม่ให้กลับมามีอำนาจยึดครองทำร้ายประเทศอีกอย่างเด็ดขาด ซึ่งหากหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าระบอบทักษิณยังสามารถกลับมามีอำนาจอีกเท่ากับรัฐประหารคสช.เสียของและบ้านเมืองจะวนเวียนกลับไปสู่วงจรอุบาวท์ระบอบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยที่จะจุดสุมไฟวิกฤติในบ้านเมืองอีกซ้ำซาก
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี