ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)วันที่ 21 ส.ค.คงลงมติเป็นเอกฉันท์เลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ควบเก้าอี้นายกฯ คนที่ 29 ของประเทศอย่างเป็นทางการอันเป็นอีกบันทึกหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์การเมือง
ภาระหน้าที่ต่อไปของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯ คนที่ 29 แล้วก็คือการฟอร์มคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประยุทธ์ 1 ซึ่งคงจะต้องรอดูโฉมหน้าครม.ประยุทธ์ 1 โดยเฉพาะทีมครม.เศรษฐกิจจะหน้าตาเป็นอย่างไรเข้าตาเป็นที่ยอมรับของมหาชนและเหล่านักลงทุนทั้งไทยและเทศ หรือเห็นแล้วเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านลบ
ยิ่งสังคมและประชาชนคาดหวังในตัว พล.อ.ประยุทธ์ มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นภาระอันหนักอึ้งและท้าทายสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะต้องไม่สร้างความผิดหวังแก่ประชาชนซึ่งโพลล์ทุกสำนักตลอดช่วงที่ผ่านมาล้วนสะท้อนตรงกันว่า ประชาชนส่วนใหญ่เทใจเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์
ภารกิจเฉพาะหน้าอันหนักอึ้งและท้าทายสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือปัญหาเศรษฐกิจโดยเฉพาะการจับจ่ายภาคประชาชนซบเซาค่อนข้างมากทำให้เงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจเซื่องซึม ซึ่งหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจจะส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งได้แต่หวังว่าเมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 วงเงิน 2.57 ล้านล้านบาท มีผลบังคับใช้โดยเร็ว รวมทั้งการผลักดันโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้น
ทั้งนี้เศรษฐกิจที่ซบเซามีสาเหตุทั้งจากปัจจัยภายนอกคือภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า ส่วนภายในประเทศเป็นผลสืบเนื่องจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งพิษจากสารพัดโครงการประชานิยมยุครัฐบาลชุดที่แล้วที่ฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อาทิ โครงการลดภาษี 1 แสนบาท สำหรับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกที่มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 1 ล้านคนปรากฏว่าทำให้ธุรกิจรถยนต์ทั้งระบบซบเซาอย่างหนักในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่ธุรกิจด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งเป้าอยากให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 3.5-4.5% ในปี 2558 อาจจะเป็นเรื่องค่อนข้างยากและท้าทาย เพราะจากการประเมินของ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชี้ว่าเศรษฐกิจในปีหน้าอาจโตเพียง 1.5-2% โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปได้ช้าเพราะพิษโครงการประชานิยมในรัฐบาลชุดที่แล้วเป็นหลัก
ปัญหาอีกประการหนึ่งก็คือเศรษฐกิจที่ซบเซาส่งผลให้กรมสรรพากรเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้ามากทำให้ต้องหาทางออกด้วยการเตรียมที่จะรีดภาษีที่ดินและภาษีมรดกและอื่นๆ เพื่อให้มีเงินมาใช้ในการขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศ แต่การออกกฎหมายเก็บภาษีที่ดินและภาษีมรดกเป็นเรื่องอ่อนไหวที่อาจถูกต่อต้านจากบรรดานายทุนมหาเศรษฐีทั้งหลาย
นี่ยังไม่พูดปัญหาปากท้องประชาชนหาเช้ากินค่ำที่หารายได้ไม่พอกับรายจ่ายในภาวะเศรษฐกิจซบเซา
ปัญหาเศรษฐกิจจึงเป็นโจทย์ยากข้อแรกที่ท้าทายและจะพิสูจน์ฝีมือ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกฯคนที่ 29 ว่าจะสามารถคืนความสุขหรือสร้างทุกข์ให้ประชาชน
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี