กำลังกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์จากคำประกาศตอนหนึ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)หลังรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นนายกฯคนที่ 29 ของประเทศที่ว่า “ เราไม่ปิดกั้น หรือต้องการกำจัดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น”
คำพูดประเด็นดังกล่าวกำลังสร้างความสับสนจนมีการตีความไปต่างๆนานาว่าเป็นการส่งสัญญาณประนีประนอมหวังสร้างความปรองดองกับระบอบทักษิณอันเป็นตัวแทนธุรกิจการเมืองทุนสามานย์อันชั่วร้ายด้วยเงื่อนไขบางอย่าง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นการรัฐประหาร 22 พ.ค.ที่มีเป้าหมายเพื่อปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่เสียของสิ้นเชิง
แต่ที่อ่อนไหวและอันตรายจากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คืออาจตีความถึงขั้นที่ว่า
พล.อ.ประยุทธ์ มีแผนผลักดันกฏหมายนิรโทษกรรมความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯซึ่งเป็นนักโทษหนีโทษจำคุกในคดีทุจริต
ทั้งนี้เรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นประเด็นอ่อนไหวอันตรายเพราะหากย้อนเหตุการณ์ก่อนการรัฐประหารโดยคสช.เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลพรรคเพื่อไทยรวบรัดหักดิบผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่มีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อฟอกโทษความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ จน
เป็นชนวนทำให้มวลมหาประชาชนออกชุมนุมต่อต้านและขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จนเกิดวิกฤติการณ์ความรุนแรงแล้วในที่สุด คสช.ต้องแสดงบทอัศวินม้าขาวล้มรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์แล้วเข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศเพื่อปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ไม่ให้กลับไปสู่วงจรอุบาทว์อันเลวร้ายอีก
คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.)ที่มี ดร.คณิต ณ นคร เป็นประธานเคยสรุปรายงานผลการศึกษาโดยเสนอว่า หากจะมีการออกกฏหมายนิรโทษกรรมก็ควรครอบคลุมเฉพาะประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองทุกกลุ่มทุกสี แต่ไม่ควรนิรโทษกรรมความผิดให้กับผู้กระทำผิดในคดีทุจริต แกนนำที่กระทำผิดคดีอาญาหรือคดีด้านความมั่นคงร้ายแรง รวมทั้งคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซี่งก็หมายความว่าไม่ควรนิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง เพราะเท่ากับเป็นการทำลายหลักนิติรัฐและความศักดิ์สิทธิ์ของศาลอย่างสิ้นเชิง
เพราะฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องใคร่ครวญให้รอบคอบหากคิดจะผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณและเหล่าแกนนำเสื้อแดงที่เคยก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองจนพินาศย่อยยับ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการยอมจำนนต่อแผนขู่กรรโชกต่อรองของกลุ่มก่อการร้ายที่สร้างสถานการณ์แล้วใช้ความหายนะของชาติบ้านเมืองเป็นตัวประกัน และที่สำคัญการลบล้างโทษความผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณและพวกนอกจากจะไม่นำไปสู่การสร้างความปรองดองแล้ว กลับตรงกันข้ามเพราะจะเป็นชนวนนำไปสู่วิกฤติความแตกแยกอย่างรุนแรงรอบใหม่จากการลุกฮือของมวลมหาประชาชน
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี