เครือข่ายสาวกขบวนการระบอบทักษิณทั้งในและนอกประเทศพยายามเคลื่อนไหวโหมก่อคลื่นใต้น้ำเพื่อบ่อนทำลายความชอบธรรมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาลประยุทธ์ 1 อย่างต่อเนื่อง โดยด้าน
หนึ่งเพื่อกดดันให้มีการเลือกตั้งทั่วไปตามกำหนด 1 ปีที่คสช.ให้สัญญาประชาคมไว้อันเป็นโอกาสเดียวที่ระบอบทักษิณจะกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศได้อีกครั้ง ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็เพื่อกดดันให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นนักโทษหนีคุกกับเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองปี 2553 ด้วยข้ออ้างเพื่อสร้างความปรองดองในชาติ
สิ่งที่ระบอบทักษิณหวาดหวั่นก็คือหากปล่อยให้คสช.และรัฐบาลประยุทธ์ 1 เดินหน้าวางแนวทางปฏิรูปประเทศจนประสบความสำเร็จนั่นหมายถึงสัญญาณล่มสลายของระบอบทักษิณ
ภายใต้อำนาจคสช.ที่มีรัฐบาลประยุทธ์1เป็นร่างทรงยังไม่มีหลักประกันอะไรที่รับรองได้ว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในปีหน้า โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ส่งสัญญาณว่าหากการแก้ไขปัญหาของประเทศไม่สำเร็จ คสช.และรัฐบาลเฉพาะกาลก็อาจอยู่ยาว ทำให้ระบอบทักษิณต้องยกระดับการเคลื่อนไหวเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างพลังกดดันและทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายไม่พอใจคสช.และรัฐบาลประยุทธ์ 1
ขณะเดียวกันก็ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสกัดการทำลายระบอบทักษิณโดยเฉพาะจากการที่คสช.โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ยุคใหม่ภายใต้การนำของพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ที่ขยายผลการจับกุมกลุ่มกองกำลังชุดดำที่ร่วมปฏิบัติการก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 รวมทั้งการชุมนุมของมวลมหาประชาชนกปปส.ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญที่มัดขบวนการระบอบทักษิณและพิสูจน์ว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายซึ่งไม่ได้ต่อสู้ด้วยแนวทางสันติและด้วยอุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตยอย่างที่สร้างภาพมาตลอด
เครือข่ายระบอบทักษิณเริ่มกล้าออกมาท้าทายอำนาจรัฐโดยคสช.มากขึ้นเรื่อยๆโดยเหล่าแกนนำเครือข่ายระบอบทักษิณดาหน้าออกมาโจมตีกดดันอำนาจรัฐในทุกแนวรบทั้งในและนอกประเทศ อาทิ นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกฯ และอดีตรมว.ต่างประเทศพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ พรรคเพื่อไทย นายวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และเหล่าแกนนำเสื้อแดง นำทีมโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ ซึ่งบุกสตช.เข้าพบพล.ต.อ.สมยศ เพื่อกดดันในกรณีคดีจับกลุ่มกองกำลังชุดดำโดยขู่ในทำนองว่าหากคดีนี้ระบอบทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมวิกฤติรอบใหม่ก็ยังจะเกิดขึ้น หรือแม้แต่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พยายามชิงพื้นที่ข่าวไม่ให้มวลชนลืมพ.ต.ท.ทักษิณ ขณะเดียวกันก็โจมตีฝ่ายตรงข้ามระบอบทักษิณเป็นระยะ
ล่าสุดนักวิชาการสายเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งนำโดย นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ ดูเหมือนจะส่อเจตนาออกมาเคลื่อนไหวท้าทายอำนาจคสช.และกฎอัยการศึกด้วยการจัดสัมมนาทางการเมืองที่อ้างว่า เป็นเรื่องวิชาการ แต่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการวางแผนวางหลุมพรางเพื่อให้ตำรวจและทหารเข้าจับกุมหวังสุมไฟให้เรื่องลุกลามบานปลายให้เป็นข้ออ้างปลุกระดมให้เกิดกระแสต้านอำนาจเผด็จการคสช. ซึ่งดูเหมือนจะเป็นไปตามแผนเมื่อมีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งกลุ่มหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นนักวิชาการสายเสื้อแดงหน้าเดิมๆ ราว 60 คน ออกมาเคลื่อนไหวสอดรับด้วยการเข้าชื่อต้านคสช. หวังจะให้เกิดกระแสในวงกว้างทั้งในและนอกประเทศ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวในต่างประเทศเหล่าแกนนำเครือข่ายระบอบทักษิณที่ล้วนหนีหมายจับต่างเดิมเกมสอดรับแผนชักศึกเข้าบ้านบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลประยุทธ์1 ไม่ว่าจะเป็น นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มเสรีไทยเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน นายสุนัย จุลพงศธร อดีตสส.พรรคเพื่อไทย นายจักรภพ เพ็ญแพ น.ส.กริชสุดา คุณะแสน นายอรรถชัย อนันตเมฆ ที่พยายามปลุกระดมสร้างกระแสคนไทยในต่างแดนรวมทั้งฟ้ององค์การสหประชาชาติให้ต้านคสช.ฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนและเป็นรัฐเผด็จการทหารที่สวนทางกับประชาธิปไตย ทั้งนี้มี นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายส่วนตัว ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำหน้าที่ล็อบบี้บุคคลสำคัญในกลุ่มประเทศตะวันตกรวมทั้งสื่อตะวันตกให้ต่อต้านคสช.
แม้บรรดาแกนนำเครือข่ายระบอบทักษิณจะพยายามโหมเคลื่อนไหวบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลประยุทธ์ 1 เข้มข้น
มากขึ้นเรื่อยๆ แต่คสช.ก็ยังควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ภายใต้อำนาจและกฎอัยการศึก และที่สำคัญก็คือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเอือมระอาต่อนักการเมืองที่สร้างความบอบช้ำหายนะแก่ประเทศตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และยังเทใจสนับสนุนให้คสช.และรัฐบาลประยุทธ์ 1 ปกครองประเทศต่อไป ซึ่งที่น่าสนใจก็คือจากผลสำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศของสำนักวิจัยของกรุงเทพโพลล์ครั้งล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนถึงเกือบร้อยละ 70 ที่สนับสนุนให้คสช.และรัฐบาลประยุทธ์1แก้ปัญหาของประเทศต่อไปจนกว่าจะสำเร็จโดยยอมให้อยู่ในอำนาจมากกว่า 1 ปีตามที่เคยให้สัญญาไว้
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนสำหรับคสช.และรัฐบาลประยุทธ์ 1 ก็คือการสะดุดขาตัวเองจากปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นและปัญหาปากพาพังของผู้นำ รวมทั้งไม่มีผลงานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันของรัฐบาลประยุทธ์หนึ่งโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวมและปัญหาปากท้องของประชาชน รวมทั้งการไม่ปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง จนประชาชนไม่พอใจอาจออกมาเรียกร้องขอคืนอำนาจจากคสช.และรัฐบาลประยุทธ์ 1
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี