ช่วงนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยข่าวลบท่ามกลางมรสุมรุมเร้าสำหรับรัฐบาลเงาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ที่ต้องเผชิญเคราะห์ซ้ำกรรมซัดไม่หยุดหย่อน
ทั้งคดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สุราษฏร์ธานี ซึ่งลุกลามบานปลายจนรัฐบาลอังกฤษและรัฐบาลพม่าขอเข้ามาร่วมสังเกตุการณ์คลี่คลายคดีของตำรวจไทยที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าจับแพะสองผู้ต้องหาชาวพม่า ขณะที่ไฟใต้ลุกโชนอีกครั้งเมื่อโจรก่อการร้ายลอบเผาโรงเรียน 5 แห่งในอ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี หรือกรณีอื้อฉาวไมค์เทวดาที่ติดตั้งในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีราคาแพงหูฉี่ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำท่าจะเป็นมวลล้มต้มคนดูจับมือใครดมไม่ได้เมื่อผลการสอบสวนล่าสุดส่อเค้าจะออกมาแบบทะแม่งโดยไม่มีคนผิด เพียงแต่จัดซื้อในราคาที่สูงเกินไปเท่านั้น และที่สำคัญคือประชาชนชักไม่สมหวังกับการแก้ปัญหาปากท้องและภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาของคสช.และรัฐบาลประยุทธ์ 1
ล่าสุดยังเกิดเหตุการณ์ครึกโครมเมื่อ นางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ สาวใหญ่วัย 52 ปีจากจ.ลพบุรีราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผาตัวเองจนไฟลุกท่วมอย่างสยดสยองหลังมายื่นเรื่องร้องทุกข์ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ของคสช.ข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ช่วยกันดับไฟแล้วนำตัวส่งโรงพยาบาลช่วยชีวิตไว้ได้อย่างหวุดหวิด
สาเหตุสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา นางสังเวียน ได้มายื่นเรื่องร้องทุกข์กรณีที่ถูกนายทุนเจ้าหนี้ข่มขู่จะจับกุมดำเนินคดีฐานไม่ยอมจ่ายหนี้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรวม 1.5 ล้านบาทโดยก่อนหน้านี้ นางสังเวียน ซึ่งอ่านหนังสือไม่ออกไปทำสัญญาเงินกู้กับนายทุนเป็นเงิน 4 แสนบาทโดยมีญาติเป็นพยาน แต่พอเวลาผ่านไปเงินต้นและดอกเบี้ยกลับพอกพูน 1.5 ล้านบาทจึงร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมที่จ.ลพบุรีเพื่อขอให้ช่วยเจรจาประนอมหนี้แต่ก็ไม่คืบหน้า จึงมาร้องเรียนต่อศูนย์ร้องทุกข์ของคสช. แต่เรื่องไม่คืบหน้าอีกจึงเตรียมน้ำมันใส่ขวดและไฟแช็คจุดไฟเอาตัวเองเพื่อประชดรัฐ
เรื่องนี้โชคดีที่ นางสังเวียน ไม่ตาย ไม่อย่างนั้นขบวนการฝ่ายตรงข้ามคสช.และรัฐบาลประยุทธ์1คงฉวยโอกาสหยิบเป็นประเด็นถล่มคสช.และรัฐบาลประยุทธ์1จนเละเทะแน่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนประสิทธิภาพศูนย์ดำรงธรรมจ.ลพบุรีที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาประชาชนได้อย่างฉับไวตามนโยบายคสช. โดยอาจมองว่าเป็นแค่ปัญหาชาวบ้านตัวเล็กๆ และไม่เป็นข่าวจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญ จนปัญหาบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศสะเทือนคสช.และรัฐบาลประยุทธ์1
เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนที่คสช.และรัฐบาลประยุทธ์1จะต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีกจนกลายเป็นแฟชั่นเผาตัวเองเพื่อประท้วงรัฐเหมือนกับโศกนาฏกรรมชาวนาฆ่าตัวตายกว่า 10 คนเพราะพิษโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรโดยต้องติวเข้มการทำงานของศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศให้สนใจปัญหาประชาชนมากขึ้นแม้จะเป็นเรื่องร้องเรียนของตานีตาสา ซึ่งหากยังขืนปล่อยให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำซากแน่นอนว่าย่อมกลายเป็นข่าวใหญ่กระฉ่อนโลกจนสั่นคลอนเสถียรภาพคสช.และรัฐบาลประยุทธ์1อย่างรุนแรง ขณะเดียวกันสารพัดมรสุมที่รุมเร้าจะเป็นบททดสอบภาวะผู้นำและความหนักแน่นตลอดจนวิสัยทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะฝ่าฟันมรสุมไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าช่วงหลังผู้นำชักคุมสติอันมีผลต่อการใช้ปัญญาไม่ค่อยจะอยู่ จึงเห็นการตัดสินใจในหลายเรื่องชักจะทะแม่ง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี