ขณะที่กรณีไมค์เทวดาติดตั้งในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 1 ราคาแพงผิดปกติยังคาใจมหาชนก็เกิดเรื่องอื้อฉาวเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างต่อเนื่อง
มาคราวนี้เป็นเรื่องอันตรายเพราะใกล้ตัวผู้นำจากข่าวส่อเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนกรณีบริษัทดี.เอ็ม.อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นของ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกรัฐบาล ที่ข่าวระบุว่า ได้สัญญาว่าจ้างในการผลิตสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานต่างๆ ของรัฐอย่างน้อย 64 ครั้ง เป็นวงเงินมูลค่ารวมประมาณ 114.9 ล้านบาท โดยล่าสุดมีการทำสัญญารายการธงฟ้าคืนความสุขของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เรื่องนี้ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล ชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบสื่อมวลชนไปหมดแล้ว และไม่ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบอะไรเป็นพิเศษซึ่งหากใครได้รับผลกระทบสามารถร้องเรียนได้ตามช่องทางของกฎหมายที่มีอยู่แล้ว ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ขณะนี้นายกฯกำลังแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองจึงไม่อยากให้นำเรื่องดังกล่าวมากล่าวหากันจนทำให้สังคมเกิดความสับสน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่านายกฯไม่คิดทำอะไรนอกกติกาและยืนยันจะไม่ปกป้องใคร
คำชี้แจงที่ออกมาดูจะไม่ทำให้สังคมหายสับสน ซึ่งแม้สังคมยังไม่ได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแต่โดยจริยธรรมของรัฐบาลที่มีนโยบายปราบคอร์รัปชั่นอย่างจริงจังถึงกับประกาศเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องมีการปฏิรูปก็ควรแสดงความโปร่งใสบริสุทธิ์ใจด้วยการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อทำความจริงให้ปรากฏแล้วชี้แจงต่อสังคมอย่างเปิดเผยโดยไม่ต้องให้มีใครเรียกร้องและเพื่อไม่ให้สังคมคาใจสั่งสม ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องอ่อนไหวมากเพราะผู้ที่ตกเป็นข่าวเป็นถึงโฆษกรัฐบาล
ถัดจากเรื่องอื้อฉาวคนใกล้ตัวนายกฯก็เกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลตามมาซ้อนๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่มาจากบุคคลสำคัญในหน่วยราชการเองนั่นคือ นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร ที่เปิดเผยว่า มีข้าราชการกระทรวงมหาดไทยหลายฝ่ายรวมทั้งทหารตามแนวชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการขนของเถื่อนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทำให้รัฐสูญเสียรายได้มหาศาลจากภาษี
ความสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องซึ่งแน่นอนว่าย่อมกระทบต่อความไว้วางใจของประชาชนมีต่อคสช. เพราะใครก็รู้ว่ายุคนี้ทหารเป็นพระเอกและเป็นยุคคนในเครื่องแบบสีเขียวครองอำนาจ ซึ่งหากภาพของทหารตรงกันข้ามกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจากพระเอกกลายเป็นผู้ร้ายแน่นอนว่าย่อมเกิดวิกฤติศรัทธาสั่นคลอนความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อคสช.และรัฐบาล
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หนึ่งในบุคคลสำคัญของคสช.และรมว.มหาดไทย ชี้แจงนักข่าวแบบไม่ค่อยหนักแน่นจริงจังนักโดยกล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่อง หากตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่ทำผิดก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย
นี่แค่ตัวอย่างเรื่องอื้อฉาวไม่ชอบมาพากลที่กำลังเป็นวิกฤติศรัทธาต่อรัฐบาลประยุทธ์ 1 ไปจนถึง คสช.ที่สั่งสมมากขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นึกถึงคำพูดของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่ว่าคลื่นใต้น้ำไม่ว่าจะแรงขนาดไหนก็ล้มรัฐบาลประยุทธ์ 1 และคสช.ไม่ได้ตราบใดที่รัฐบาลและคสช.มีความโปร่งใส
เพราะฉะนั้นรัฐบาลประยุทธ์ 1 กับคสช.ที่กำลังรับภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงในการจัดระเบียบประเทศครั้งใหญ่ต้องระวังอย่าสะดุดขาตัวเองโดยปล่อยให้เกิดเรื่องอื้อฉาวกับคนในรัฐบาลหรือคสช.โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ใกล้ชิดผู้นำ และเมื่อเป็นข่าวครึกโครมต้องรีบทำความจริงให้ปรากฏอย่างตรงไปตรงมาโดยเร็วเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะหากยึกยักคลุมเครือก็อาจทำให้สาธารณชนเชื่อว่าคนในรัฐบาลและคสช.เป็นไปอย่างที่เป็นข่าวอื้อฉาวซึ่งก็คงไม่ต่างอะไรจากพวกนักการเมืองน้ำเน่าที่เพิ่งถูกยึดอำนาจและกำลังจะถูกปฏิรูป
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี