การประชุมนัดแรกของคณะกรรมการปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเลือกประธานและรองประธานคสช. ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมายเมื่อ ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตอธิการบดี จุฬาฯ ได้รับเลือกเป็นประธานสปช.อย่างไร้คู่แข่ง โดยมีรองประธานสปช.ที่ได้รับเลือก 2 คน คือ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และน.ส.ทัศนา บุญทอง อดีตรองประธานวุฒิสภา และจากนี้เป็น สปช.ต้องเริ่มต้นภารกิจสำคัญในการวางแนวทางปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ให้สำเร็จท่ามกลางความคาดหวังอย่างสูงของคนทั้งประเทศ
รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 31 ได้กำหนดให้สปช.มีอำนาจหน้าที่ดังนี้คือ ศึกษาวิเคราะห์และจัดทำแนวทางและข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปด้านต่างๆ ทั้ง 11 ด้าน เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจัดทำขึ้น
สำหรับกรอบเวลาการทำหน้าที่ของสปช.ไปจนกระทั่งมีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมีดังนี้คือ สปช.ต้องเสนอความเห็นข้อเสนอแนะการปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน ไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญภายใน 60 วัน หลังการประชุมนัดแรก จากนั้นภายใน 120 วัน นับจากรับข้อเสนอแนะจากสปช. คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จและเสนอต่อ สปช. จากนั้นภายใน 40 วัน นับจากรับร่างจากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สปช.ต้องประชุมเพื่อเสนอแนะและปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญอีกครั้งให้แล้วเสร็จ จากนั้นภายใน 60 วัน คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาคำขอปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญของสปช.ให้เสร็จแล้วส่งกลับไปยังสปช.เพื่อพิจารณาภายใน 15 วัน ซึ่งสปช.ต้องลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ถ้าสปช.เห็นชอบ ประธานสปช.จะนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯถวายภายใน 30 วัน นับแต่วันลงมติ ซึ่งหากประเมินกรอบเวลาทั้งหมดกว่าจะมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่น่าจะประมาณเดือนก.ย.ปีหน้า
ประเด็นที่จะต้องจับตาก็คือ รัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดไว้ว่า ในกรณีที่หากสปช.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรไม่เสร็จตามกรอบเวลาหรือเสียงส่วนใหญ่ลงมติไม่รับร่างถือว่าร่างตกไปซึ่งผลที่จะตามมาก็คือ สปช.ทั้ง 250 คน สิ้นสภาพทั้งคณะพร้อมกับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในกระบวนการสรรหา สปช. ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นหมายความว่า โรดแมปที่คสช.เคยประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปลายปีหน้าหรืออย่างช้าต้นปี 2559 อาจจะต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ส่วนสำระสำคัญของการปฏิรูปประเทศนั้นต้องจับตาร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมาตรา 8,20 และ 35 ซึ่งวางกรอบสำหรับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไว้อย่างมีนัยสำคัญทางการเมืองเพราะวางแนวทางอันเป็นการขุดรากถอนโคนพรรคและนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์และการทุจริตคอร์รัปชั่นขั้นเด็ดขาด ทั้งนี้เนื่องจากพรรคและนักธุรกิจการเมืองคือต้นตอสำคัญของวิกฤติชาติตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งกรอบในรัฐธรรมนูญชั่วคราวถูกกำหนดให้ต้องถูกบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับถาวรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เจตนาของคสช.ดังกล่าวถือว่าถูกต้องเหมาะสม มิฉะนั้นการรัฐประหารและการปฏิรูปประเทศก็คงเสียของสิ้นเชิง
จากกรอบในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อระบอบทักษิณที่มีแนวโน้มต้องล่มสลาย จึงไม่แปลกที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง หนึ่งในแกนนำระบอบทักษิณ จะออกมาส่งสัญญาณข่มขู่กดดันว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมุ่งทำลายล้างระบอบทักษิณ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นขบวนการระบอบทักษิณไม่ยอมแน่นอนและพร้อมที่จะสู้ทุกรูปแบบอย่างถึงที่สุด
ปัญหาอีกประการหนึ่งสำหรับสปช.ก็คือ เนื่องจากสปช.ประกอบด้วย บุคคลที่ล้วนเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับหัวกะทิของประเทศจากหลากหลายสาขาอาชีพอาจจะมีอัตตาและความเห็นที่แตกต่างจนอาจเกิดความขัดแย้งในการวางแนวทางปฏิรูปประเทศให้เป็นไปตามโรดแมปที่คสช.วางไว้
ขณะที่จุดยืนของคสช.เองก็ยังถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะกล้าล้างระบอบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์จริงอย่างที่วางโรดแมปไว้หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงเกมกดดันให้ขบวนการระบอบทักษิณหยุดการเคลื่อนไหวและยอมเข้าร่วมขบวนการปรองดอง
ปัญหาซึ่งเป็นโจทย์ท้าทายคสช.และสปช.สำคัญกว่านั้นก็คือจะทำอย่างไรให้การปฏิรูปประเทศเป็นที่ยอมรับของมหาชนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างแท้จริงซึ่งจะต้องสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนจากทั่วประเทศให้ได้มากที่สุด และอาจถึงขั้นต้องทำประชามติเพื่อสร้างการยอมรับและสะท้อนให้เห็นว่าการปฏิรูปประเทศครั้งนี้เป็นฉันทามติของมวลมหาประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี