หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยการไฟเขียวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้บินออกนอกประเทศเพื่อไปผักผ่อนที่ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อราว 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้นัดพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกผู้เป็นพี่ชายโดยสองพี่น้องตระกูลชินจงใจสร้างภาพชิงพื้นที่ข่าวรายวันผ่านเครือข่ายสื่อทาสรับใช้ระบอบทักษิณทั้งในต่างแดนและในไทย ด้วยภาพยิ้มแย้มแจ่มใสท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆอย่างสบายใจเฉิบ โดยล่าสุดทั้งสองปักหลักอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่
เดิมตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขออนุญาตไว้กับคสช.เมื่อเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นแล้วจะเดินทางกลับไทยตั้งแต่เมื่อราวสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับผัดผ่อนการเดินทางกลับประเทศมาเรื่อยๆหลายครั้งอย่างมีข้อน่าสังเกตุโดยขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของพี่ชายบินต่อไปยังจีนแผ่นดินใหญ่และล่าสุดขอเลื่อนกลับประเทศไทยเป็นวันที่ 3 พ.ย.นี้
การเดินทางไปพบพี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ครั้งนี้นักสังเกตุการณ์ทางการเมืองมองว่ามีเป้าหมายที่นอกจากเพื่อสร้างภาพแสดงอิทธิพลบารมีเพื่อปลุกขวัญกำลังใจบรรดาเครือข่ายระบอบทักษิณซึ่งเป็นทางรับใช้ให้ฮึกเหิมรวมตัวกันสู้หวังฟื้นระบอบทักษิณกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งผ่านการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ขณะเดียวกันสองพี่น้องตระกูลชินซึ่งต่างก็มีคดีอื้อฉาวเป็นชะนักปักหลังด้วยกันทั้งคู่หารือวางแผนเพื่อเอาตัวรอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเฉพาะหน้าสำคัญของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะนี้ก็คือพิษคดีมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินโครงการรับจำนำข้าวสุดอื้อฉาวที่กำลังจะถึงจุดชี้ชะตากรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)นัดหารือคำร้องให้ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามคำฟ้องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ซึ่งหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกถอดถอนจะมีผลทำให้หมดอนาคตทางการเมืองทันที แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็คือคดีนี้มีแนวโน้มที่จะส่งฟ้องไปยังศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกทางหนึ่งด้วยซึ่งหากศาลชี้ว่ามีความผิดจริงตามฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องติดคุกฐานส่อเจตนารู้เห็นเป็นใจกับมหกรรมโคตรโกงโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความล่มจมให้ประเทศกว่า 7 แสนล้านบาท
การได้รับอนุญาตให้เลื่อนเดินทางกลับไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้านหนึ่งเหมือนจะได้รับสัญญาณถ้อยทีถ้อยอาศัยจากคสช. ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยการวางแผนของพี่ชายเหมือนอยู่ระหว่างการรอตัดสินใจว่า จะหนีคดีแล้วเสพย์สุขในต่างแดนเดินตามพี่ชาย หรือจะกลับไทยก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์เนื่องจากยังมีเวลาก่อนตัดสินใจครั้งสุดท้ายโดยเฉพาะเพราะคดีที่จะชี้ชะตาโดยศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังต้องผ่านกระบวนการต่างๆซึ่งต้องใช้เวลาอีกพอสมควร
ขณะเดียวกันเชื่อว่าในทางลับคงมีการเจรจาระหว่างตัวแทนตระกูลชินกับบุคคลสำคัญในคสช.อยู่ตลอดเวลาโดยมีข้อต่อรองเรื่องการไม่เอาผิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่ความปรองดองซึ่งผลการประชุมสนช.วันที่ 12 พ.ย.นี้จะเป็นตัวชี้วัดผลการเจรจาต่อรองได้ในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตามสถานการณ์เฉพาะหน้าต้องจับตา 3 พ.ย.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางกลับไทยตามคำขออนุญาตคสช.ครั้งล่าสุดหรือไม่ หากเลื่อนการเดินทางอีกย่อมเป็นสัญญาณผิดปกติที่ต้องจับตา และหากวันใดที่น.ส.ยิ่งลักษณ์หนีพิษคดีมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินโครงการรับจำนำข้าวไปได้อย่างลอยนวล วันนั้นคสช.ก็คงยากปัดความรับผิดชอบเพราะปล่อยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีลอยนวลทั้งๆที่ส่อพฤติกรรมรู้เห็นกับมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติ
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี