เหล่าสาวกระบอบทักษิณทั้งนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกคดีทุจริต และหลานผู้แสนดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอดีตนายกฯหุ่นเชิด หรือเหล่าแกนนำพรรคเพื่อไทยต่างพากันเรียงหน้าออกมาเบี่ยงเบนประเด็นป้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์เต็มพิกัดจากพิษคดีมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินโครงการรับจำนำข้าวครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่ล่าสุดทีมทนายน.ส.ยิ่งลักษณ์ นำโดยนายพิชิต ชื่นบานพยายามตะแบงยื้อเกมซื้อเวลาแบบเอาสีข้างเข้าถูด้วยการเรียกร้องต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ให้เลื่อนการไต่สวนน.ส.ยิ่งลักษณ์นัดแรกในวันที่ 12 พ.ย.นี้ ออกไปอีก 30 วันด้วยข้ออ้างที่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เพิ่งกลับจากต่างประเทศจึงไม่ได้รับหนังสือแจ้งให้ไปชี้แจงจากสนช.ทำให้เตรียมตัวไม่ทัน
ที่ผ่านมาตั้งแต่ในขั้นการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ทีมทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามประวิงเวลาทั้งขอเลื่อนการชี้แจงหลายครั้ง รวมทั้งเรียกร้องให้สอบพยานเพิ่มจำนวนมากทั้งๆ ที่พยานหลายคนที่อ้างไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีโดยตรง ซึ่ง ป.ป.ช.รู้ทันเกมจึงยอมสอบพยานเพิ่มเพียงบางคน
การที่เหล่าสาวกระบอบทักษิณพยายามยื้อเวลาเพื่อหาทางช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์เพราะความผิดจากกรรมที่จะตามสนอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยพิษโครงการรับจำนำข้าวสุดอื้อฉาวนั้นส่งผลรุนแรงทั้งทางการเมืองและทางอาญา โดยทางการเมืองนั้นหากสนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผลที่ตามมา คือถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีและที่เลวร้ายกว่านั้นคือรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 35 กำหนดกรอบบังคับให้รัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่จะร่างขึ้นต้องบรรจุเนื้อหาตามมาตรา 35 ไว้ด้วยซึ่งมีสาระสำคัญส่วนหนึ่งกำหนดให้ผู้ที่ถูกถอดถอนหรือถูกดำเนินคดีฐานทุจริตประพฤติมิชอบหรือความผิดต่อหน้าที่จะถูกห้ามลงสมัคร สส.และสว.ไปตลอดชีวิต
ส่วนในทางอาญานั้นอยู่ระหว่างขั้นตอนที่ ป.ป.ช.ยื่นสำนวนต่อสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) เพื่อส่งต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อดำเนินคดีอาญากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งหากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่าผิดจริงก็มีโทษจำคุกและดีไม่ดีอาจจะถูกฟ้องแพ่งตามมาเพื่อให้ชดใช้ความเสียหายของรัฐจากโครงการรับจำนำข้าวมูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท
ความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ส่อรู้เห็นเป็นใจกับมหกรรมโกงจำนำข้าวนั้นชัดเจนตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ทั้งในฐานะนายกฯและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)ซึ่งมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลโครงการรับจำนำข้าว และที่สำคัญกรรมย่อมสะท้อนเจตนา ซึ่งก่อนหน้านี้ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ หลายฝ่ายทั้งองค์กรระหว่างประเทศและบรรดาหน่วยงานตลอดจนผู้เชี่ยวชาญต่างเตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลายครั้งให้ทบทวนโครงการเพราะมีการทุจริตอย่างมโหฬารและกำลังจะสร้างความฉิบหายต่อวงจรข้าวของประเทศทั้งระบบรวมทั้งฐานะการคลังของประเทศ แม้แต่หน่วยราชการ อาทิ กระทรวงการคลัง สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือแม้แต่ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลังประธานที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็เตือนว่ารัฐบาลจะพังเพราะโครงการรับจำนำข้าว แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งบงการโดย พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไม่แยแสเสียงเตือนทั้งหลายอย่างสิ้นเชิง และเดินหน้ากู้เงินมหาศาลผลาญไปกับโครงการรับจำนำข้าวทั้งๆ ที่สร้างความวิบัติล่มจมให้ประเทศและทำให้ชาวนาต้องฆ่าตัวตายไปกว่า 10 ราย เพราะความล้มเหลวของโครงการอัปยศนี้ ขณะที่คนเพียงไม่กี่คนร่ำรวยมหาศาล
เพราะฉะนั้นยิ่งเหล่าสาวกระบอบทักษิณทั้งหลายพยายามดิ้นรนทุรนทุรายดึงเกมซื้อเวลาเพื่อช่วยน.ส.ยิ่งลักษณ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำพิรุธร้อนตัวกลัวกรรมตามสนอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ขณะนี้คอพาดเขียงรอชดใช้กรรมชั่วร้ายที่ก่อไว้กับชาติบ้านเมือง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี