นับวันจะเห็นสัญญาณไม่ปกติและชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ของขบวนการที่พยายามอุ้ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หุ่นเชิดระบอบทักษิณในคดีส่อรู้เห็นเป็นใจโกงชาติปล้นแผ่นดินโครงการรับจำนำข้าวทั้งโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) ภายใต้จุดยืนที่น่าเคลือบแคลงของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
การออกมาดิ้นหาทางช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ของเหล่าสาวกระบอบทักษิณไม่มีอะไรน่าแปลกใจ ซึ่งล่าสุดพอได้คืบก็จะเอาศอกโดยทีมทนายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้สนช.สอบพยานเพิ่มหวังถ่วงเวลาหลังจากที่เพิ่งได้รับการเอื้ออาทรจากสนช.เสียงส่วนใหญ่ให้เลื่อนการเปิดคดีในวันที่ 12 พ.ย.เป็นวันที่ 28 พ.ย.
แต่ที่ต้องจับตาก็คือบุคคลสำคัญในคสช.โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกฯและ รมว.กลาโหม ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นบุคคลสำคัญที่พยายามเจรจาต่อรองกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ให้ยุติบทบาททางการเมืองช่วงระยะเวลาเพื่อความปรองดองในชาติโดยมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนคือจะไม่มีการเอาผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ และบรรดาแกนนำเครือข่ายระบอบทักษิณทั้งหลายที่กำลังถูกยื่นถอดถอนกรณีรวบรัดผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ด้วยวิธีการฉ้อฉลและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การส่งสัญญาณสร้างความไว้วางใจต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้รับเงื่อนไขสร้างความปรองดองสะท้อนให้เห็นจากท่าทีของสนช.เสียงส่วนใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาที่เอื้ออาทรยื้อเกมซื้อเวลาการชี้ชะตา น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพวกอย่างเห็นได้ชัด และมีแนวโน้มสูงยิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพวกจะหลุดพ้นความผิดในขั้นตอนการลงมติถอดถอนซึ่งต้องใช้เสียงถึง3 ใน 5 ของสมาชิกสนช.ทั้งหมดหรือ132 เสียงขึ้นไป ซึ่งผลการลงมติรับพิจารณาเรื่องถอดถอนกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาสว.เมื่อวันก่อนที่มีสมาชิกสนช.ลงมติรับเรื่องเพียง 87 เสียงย่อมบอกเป็นนัยว่า สมาชิกสนช.ส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ภายใต้การคอนโทรลของขบวนการฮั้วระบอบทักษิณไม่ลงมติถอดถอนแน่และอาจจะเป็นตัวชี้แนวโน้มการลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในอนาคตหากการเจรจาลับภายใต้ข้ออ้างเพื่อสร้างความปรองดองสามารถตกลงกันได้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
จึงไม่แปลกที่ นายนิพิฏฐ์อินทรสมบัติ อดีตสส.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทำนายแบบฟันธงว่าจากพฤติการณ์ของสนช.ที่ผ่านมาทำให้เชื่อว่าในที่สุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะรอดพ้นความผิดในคดีจำนำข้าว
ขบวนการฮั้วกับระบอบทักษิณนอกจากภายในสนช.แล้วที่สำคัญคือบทบาทของสำนักงานอสส.ซึ่งที่ผ่านมาแสดงท่าทีส่อยื้อเกมเตะถ่วงการฟ้องทางโทษทางอาญากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาตลอด และล่าสุด นายวุฒิพงศ์วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าทีมสำนักงานอสส.ที่ประชุมร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ออกมาส่งสัญญาณแช่แข็งการฟ้องทางอาญากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยย้ำว่า ป.ป.ช.ไม่สามารถยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เองตราบใดที่การหารือระหว่างสำนักงานอสส.และป.ป.ช.ยังไม่ได้ข้อยุติ
ข้อน่าสังเกตก็คือหลังรัฐประหารใหม่ๆ คสช. เด้งฟ้าผ่า นายอรรถพล ใหญ่สว่าง พ้นเก้าอี้อสส.แล้วตั้งนายตระกูล วินิจฉัยภาค ขึ้นเป็น อสส.คนใหม่แทน แต่น่าแปลกใจที่สำนักงาน อสส.ยุคใหม่กับมีพฤติการณ์สวนทางกับเป้าหมายปฏิรูปประเทศของคสช. โดยยังทำตัวดุจทาสรับใช้ระบอบทักษิณและตระกูลชินไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะฉะนั้นหากน.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นโทษความผิดในโครงการรับจำนำข้าวเท่ากับเป็นการตอกย้ำข้อเคลือบแคลงของสาธารณชนที่ว่า มีขบวนการฮั้วกับระบอบทักษิณแล้วปล่อยเหล่าคนชั่วที่โกงชาติปล้นแผ่นดินครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ให้ลอยนวลภายใต้ข้ออ้างเพื่อสร้างความปรองดอง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี