ขณะที่พลังประชาชนบริสุทธิ์หลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยเชิงสร้างสรรค์เพื่อขอมีส่วนร่วมในกระบวนการปฏิรูปประเทศและเรียกร้องให้รัฐแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนซึ่งถือสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานแม้ในยามที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติภายใต้กฎอัยการศึกซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ดูจะเข้าใจและถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่ที่เป็นปัญหาขณะนี้ก็คือขบวนการป่วนเมืองไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชู 3 นิ้ว กลุ่มนักวิชาการบางกลุ่มที่ออกมากดดันให้ยกเลิกกฎอัยการศึก หรือขบวนการลอบโปรยใบปลิวเถื่อนเพื่อแสดงสัญลักษณ์ต้านการรัฐประหาร โดยขบวนการเหล่านี้เชื่อว่าจัดตั้งโดยเครือข่ายระบอบทักษิณที่ผสมโรงออกมาเคลื่อนไหวสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายโดยมีเป้าหมายแอบแฝงหลายประการ
ที่ว่าเป็นขบวนการป่วนเมืองจัดตั้งโดยเครือข่ายระบอบทักษิณเพราะหากพิจาณาเจาะลึกถึงตัวละครที่ออกมาเคลื่อนไหวหลายต่อหลายคนรวมทั้งเป้าหมายแอบแฝงแล้วจะพบว่าล้วนเป็นนักศึกษา นักวิชาการสายเสื้อแดง หรือใช้วิธีการแบบเดิมๆด้วยการอ้างอุดมการณ์ประชาธิปไตยบังหน้า ขณะเดียวกัน ก็อาศัยสื่อทั้งไทยและต่างประเทศตลอดจนนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนบางคนประเภทผีโม่แป้งรับใช้ระบอบทักษิณออกมาจัดฉากสร้างภาพเพื่อกระพือข่าวให้ใหญ่โตไปทั่วประเทศและทั่วโลก และเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการทำสงครามเพื่อบ่อนทำลายคสช.ครั้งนี้ก็คือการใช้โซเชียลมีเดียในการปลุกระดมประชาชนให้ลุกฮือออกมาต่อต้านคสช.ในวงกว้างซึ่งสำเร็จมาแล้วในหลายประเทศ
หากวิเคราะห์เป้าหมายของขบวนการป่วนเมืองจะพบว่าเป็นแผนยิงกระสุนนัดเดียวได้นกหลายตัว โดยประการแรก เป็นการสร้างข่าวให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายเพื่อชี้ให้เห็นว่ามีประชาชนไม่พอใจการรัฐประหารและบ้านเมืองไม่มีความสงบยังมีความเคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหารโดยคสช.อยู่ตลอดเวลาอันเป็นการทำลายความชอบธรรมผลพวงใดๆ อันเกิดจากการก่อรัฐประหารโดยคสช.ทั้งหมด
ประการที่สอง เป็นแผนวางกับดักของเครือข่ายระบอบทักษิณผ่านขบวนการป่วนเมืองที่ต้องการยั่วยุท้าทายคสช.อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้คสช.ติดกับดักด้วยการใช้มาตรการที่เด็ดขาดกับพวกที่ออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งจะเข้าทางขบวนการป่วนเมืองทันทีโดยเครือข่ายขบวนการการป่วนเมืองจะอาศัยสื่อในเครือและโซเชียลมีเดียสร้างภาพประโคมข่าวทั้งในและนอกประเทศเพื่อปลุกกระแส
ต้านคสช.ที่อ้างว่าใช้อำนาจเผด็จการคุกคามสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย ของประชาชนและสื่อ แต่ดูเหมือนคสช.จะรู้ทันเล่ห์ไม่ตกหลุมพรางของขบวนการป่วนเมืองระบอบทักษิณ โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. แก้ลำด้วยการซื้อใจมหาชนโดยไม่เอาผิดกับกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น 5 คนที่บุกชู 3 นิ้วขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปราศรัยต่อชาวขอนแก่น แต่แม้จะใช้ไม้อ่อน ขณะเดียวกัน ก็ปรามไม่ให้ทำผิดซ้ำสอง มิฉะนั้นก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการดำเนินคดีตามกฏอัยการศึก ขณะที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก เลขาธิการคสช. ประกาศกร้าวสั่งสืบหาต้นตอที่อยู่หลังฉากขบวนการป่วนเมือง
นอกจากนี้ ล่าสุด คสช.ยังสร้างความชอบธรรมด้วยยุทธวิธีทั้งใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งแบบผสมกลมกลืนด้วยการจัดตั้งเวทีผ่านสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)และสถาบันพระปกเกล้าเพื่อให้กลุ่มนักศึกษาและฝ่ายที่ต่อต้านคสช.แสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่โดยบริสุทธิ์ใจ ซึ่งหากไม่เข้าร่วมก็แสดงว่ามีเป้าหมายแอบแฝง แต่กลับปรากฏว่านักศึกษากลุ่มหนึ่งนำใบปลิวโจมตีคสช.ไปโปรยกลางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท้าทายให้คสช.จับกุมโดยนักศึกษากลุ่มดังกล่าวไม่ใช่นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจากภายนอกขณะที่มีรายงานข่าวอ้างว่านักศึกษากลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นนักวิชาการสายเสื้อแดงเข้ม
เป้าหมายแอบแฝงประการที่สาม ก็คือ ขบวนการป่วนเมืองพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกดดันให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึก
อันเป็นอุปสรรคสำคัญในการออกมาชุมนุมแสดงพลังของมวลชนระบอบทักษิณโดยเฉพาะกลุ่มเสื้อแดงเพื่อเปิดศึกขั้นแตกหักในอนาคต
ประการที่สี่ การออกมาเคลื่อนไหวป่วนเมืองต่อต้านรัฐประหารก็เพื่อต้องการปลุกระดมให้กระแสลุกลามบานปลายจนกลายเป็นการชุมนุมขนาดใหญ่ภายใต้ข้ออ้างต่อสู้กับเผด็จการเพื่อประชาธิปไตยเหมือนที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ทั้งๆ ที่ความจริงมีเป้าหมายแอบแฝงต่อสู้เพื่อระบอบทักษิณ
ประการที่ห้า ถือเป็นเป้าหมายเฉพาะหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งของระบอบทักษิณที่อาศัยขบวนการป่วนเมืองเป็นเครื่องมือสร้างอำนาจต่อรองกดดันเพื่อไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด และเหล่าอดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยถูกถอดถอนและถูกดำเนินคดีอาญาในมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์จากโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งกรณีถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ตลอดจนบรรดาอดีตสส.และสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในรัฐบาลชุดที่แล้วที่สมคบกันผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาสว.โดยฉ้อฉลและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ประการที่หก การป่วนเมืองเพื่อขัดขวางและทำลายความชอบธรรมการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ด้วยข้ออ้างเป็นการปฏิรูปที่เกิดจากผลพวงการรัฐประหาร ทั้งนี้ ระบอบทักษิณกลัวว่าถ้ากติกาปฏิรูปประเทศสำเร็จระบอบทักษิณมีสิทธิ์สูญพันธุ์จากความชั่วร้ายที่ตัวเองก่อไว้
ขณะที่ขบวนการป่วนเมืองซึ่งเป็นเพียงคนแค่หยิบมือเดียวออกมาเคลื่อนไหวทำลายชาติเพื่อตัวเอง แต่ผลสำรวจของโพลล์ทุกสำนักกลับสะท้อนปฏิกิริยาประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับขบวนการเมืองป่วนเมืองและยังคงสนับสนุนคสช.ที่สามารถทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และกำลังเดินหน้าเพื่อปฏิรูปประเทศ
เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ คสช. ยังได้รับการสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของขบวนการป่วนเมืองอันเป็นแค่คนเพียงหยิบมือเดียวก็คงไร้ความหมายเว้นแต่คสช.จะสะดุดขาตัวเองหรือยอมอ่อนข้อให้ระบอบทักษิณ อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาสถานการณ์จากนี้ไปเพราะยิ่งใกล้วันชี้ชะตา น.ส.ยิ่งลักษณ์และพวกเข้าไปมากเท่าไหร่ เชื่อว่าขบวนการป่วนเมืองระบอบทักษิณก็จะยิ่งโหมไฟออกมาเคลื่อนไหวยั่วยุท้าทายคสช.หนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี