แล้วการพบกันระหว่างผู้บริหารคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กับสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) ครั้งล่าสุดก็ไม่มีอะไรในกอไผ่และส่อลากยาวการยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบส่อรู้เห็นเป็นใจในคดีมหกรรมโกงชาติปล้นแผ่นดินโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
สังคมเฝ้าจับตาการประชุมร่วมประจำปีระหว่างผู้บริหาร ป.ป.ช.นำโดย นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. และฝ่ายสำนักงานอสส.นำโดย นายตระกูล วินิจฉัยภาค อัยการสูงสุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่าจะมีการหารือคดีฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ แต่ก็ต้องผิดหวัง โดย นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวภายหลังการประชุมว่าไม่ได้มีการหารือรายละเอียดคดีนี้ โดยคาดว่าจะมีการประชุมคณะทำงานร่วมสองฝ่ายครั้งหน้าก่อนสิ้นเดือนนี้
ย้อนหลังไปก่อนหน้านี้มีการประชุมร่วมคณะทำงานของ ป.ป.ช.ที่มี นายสรรเสริญ เป็นหัวหน้าทีม และฝ่ายสำนกงาน อสส.ที่มี นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอสส. เป็นหัวหน้ามา 3-4 ครั้ง นานหลายเดือน แต่ฝ่าย อสส. อ้างว่าไม่ว่างขอเลื่อนประชุมหรืออ้างว่า สำนวนสอบสวนของป.ป.ช.ไม่สมบูรณ์ ขอสอบพยานเพิ่ม หรือข้ออ้างขอเพิ่มประเด็นเรื่องการทุจริตขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ทั้งๆ ที่ฝ่าย ป.ป.ช.ก็ยืนยันแล้วยืนยันอีกว่าเป็นคนละเรื่องคนละคดีไม่ควรนำมาปะปนกัน โดยคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดฐานกระทำผิดต่อหน้าที่ไม่ได้ฟ้องว่าทุจริต หากนำมาปะปนก็จะทำให้คดีสับสนยุ่งเหยิงและยิ่งล่าช้าออกไปไม่มีกำหนดจากการต้องสอบพยานเพิ่มจำนวนมากในคดีทุจริตจีทูจีตามข้อเรียกร้องของฝ่ายสำนักงานอสส.ที่เหมือนจะแกล้งไม่เข้าใจตะแบงจะให้สอบพยานเพิ่มอย่างเดียว ซึ่งช่างเผอิญเหมือนเกมเรียกร้องให้สอบพยายานเพิ่มของทีมทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีผิด
ข้อน่าสังเกตอีกประการหนึ่งก็คือการประชุมประจำปีครั้งล่าสุด นายวุฒิพงศ์ หลบหน้าไม่ร่วมประชุม
นายสรรเสริญ ยอมรับว่าการประชุมร่วมระหว่างฝ่าย ป.ป.ช.กับสำนักงานอสส.คงจะต้องมีอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยอาจหาข้อสรุปได้ภายในเดือนม.ค.2558 แต่หากมีการสอบพยานเพิ่มตามข้อเสนอของฝ่ายสำนักงาน อสส.ก็คงต้องยืดเวลาออกไปอีกซึ่งไม่รู้ว่าจะสรุปได้เมื่อไหร่ ทั้งนี้จะส่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้หรือไม่ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของสำนักงานอสส.
ปัญหาอีกประการหนึ่งก็คือมีข้าราชการ และนักธุรกิจส่วนหนึ่งซึ่งให้ความร่วมมือแฉข้อมูลการทุจริตที่ ป.ป.ช.กันไว้เป็นพยาน ปรากฏว่าถูกแก๊งมหกรรมโกงจำนำข้าวฟ้องร้องเป็นคดีความ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวมีการโกงชาติปล้นแผ่นดินครั้งมโหฬารจริง ขณะเดียวกันเป็นหน้าที่ของสำนักงาน อสส.ในฐานะทนายของแผ่นดินที่จะต้องทำหน้าที่ทนายเพื่อคุ้มครองพยานสำคัญเหล่านี้เพื่อมัดขบวนการโกงจำนำข้าว
โดยสรุปแล้วคดีชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฐานส่อรู้เห็นเป็นใจมหกรรมโกงจำนำข้าวยืดเยื้อมานานแล้วจากการส่อเจตนายื้อเกมของสำนักงานอสส. ทำให้คดีมีแนวโน้มจะถูกลากยาวออกไปอย่างไม่เห็นอนาคตว่าจะยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นน่าจะถึงเวลาแล้วที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ซึ่งมีคำสั่งตั้งนายตระกูลเป็นอสส.คนใหม่ หลังยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา น่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้สำนักงานอสส.ทำหน้าที่ทนายแผ่นดินอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ส่อพฤติการณ์ดึงเกมราวกับเป็นทนายตระกูลชินเหมือนที่ผ่านมา
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี