3 เรื่อง 3 เหตุการณ์ ซึ่งเกิดในเวลาไล่เลี่ยกันช่วงนี้อาจโยงใยเกี่ยวข้องกันนั่นคือการที่สำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) กลับลำยอมหันมาร่วมมือกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เพื่อหาข้อสรุปส่งฟ้องเอาผิดทางอาญากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบส่อรู้เห็นเป็นใจปล่อยให้เกิดมหกรรมโกงจำนำข้าว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ฝ่ายสำนักงานอสส.ส่อยื้อเกมมาตลอด กับกรณีพบอาวุธสงครามร้ายแรงลอตใหญ่ที่ถูกทิ้งไว้กลางทุ่งข้างทางย่านคลองสามวา ซึ่งใกล้กับจุดที่ทหารและตำรวจเคยบุกยึดอาวุธสงครามลอตใหญ่มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งการออกหมายจับอดีตสส.หลังถูกซัดทอดเป็นเจ้าของอาวุธสงครามจำนวนมากกลางกรุง
ในคดีชี้ชะตา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในโครงการรับจำนำข้าวนั้นถือเป็นคดีที่ นักโทษชายแม้ว ยอมไม่ได้เด็ดขาดที่จะปล่อยให้น้องสาวต้องชะตาขาดถึงขั้นติดคุก จึงไม่แปลกที่บรรดาลิ่วล้อระบอบทักษิณทั้งหลาย ต่างเรียงหน้าออกมาปกป้องและข่มขู่กดดันคสช.และ ป.ป.ช.อย่างหนักตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยอ้างการสร้างความปรองดองเป็นเครื่องมือพร้อมขู่ในทำนองว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอันเป็นไปก็อย่าหวังว่าจะเกิดความสงบสุขในบ้านเมือง
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะทำงานสอบสวนคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ บอกเป็นนัยว่า ฝ่ายสำนักงานอสส.นัดป.ป.ช.หารือเป็นการด่วนในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ซึ่งเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปในการหารือตัวแทนสองฝ่าย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ฝ่ายอสส.ออกอาการยื้อเกมมาตลอด ซึ่งคงต้องจับตาดูว่า สองฝ่ายจะเห็นชอบให้สั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยสำนักงาน อสส.เป็นผู้สั่งฟ้องเอง หรือสำนักงานอสส.จะให้ป.ป.ช.เป็นผู้สั่งฟ้อง
ส่วนเรื่องพบอาวุธสงครามร้ายแรงลอตใหญ่ที่คลองสามวา ตำรวจระบุเป็นลอตเดียวกับที่เคยยึดได้ก่อนหน้านี้ในบริเวณใกล้เคียงและที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจับกองกำลังก่อการร้ายเสื้อแดงได้หลายคนพร้อมคลังแสงขนาดใหญ่ โดยมีการซัดทอดแกนนำขบวนการระบอบทักษิณเป็นผู้บงการโดยเฉพาะ นายจักรภพ เพ็ญแข และ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 เพื่อนสนิทร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10)ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ซึ่งแน่นอนว่า นายจักรภพ และ พล.ท.มนัส คงไม่ใช่ผู้ที่ให้ท่อน้ำเลี้ยงและเป็นบงการกองกำลังก่อการร้ายเหล่านี้ ส่วนจอมบงการตัวจริงก็อย่างที่รู้กันอยู่ก็คือคนที่อยู่เหนือ นายจักรภพ และ พล.ท.มนัส
ก่อนหน้านี้หลังการยึดอำนาจโดยคสช.เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ใหม่ๆ กำลังทหารและตำรวจบุกจับกองกำลังก่อการร้ายเสื้อแดงในหลายจังหวัด พร้อมคลังแสงอาวุธสงครามร้ายแรงปริมาณเท่ากองทัพขนาดย่อมๆที่ทำสงครามกลางเมืองได้สบาย โดยหลายจุดที่ทหารและตำรวจกวาดล้างที่สำคัญคือที่จ.ขอนแก่น ซึ่งมีการจับกองกำลังระบอบทักษิณได้กว่า 20 คน พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก ซึ่งผู้ต้องหาหลายคนรับสารภาพหมดเปลือกว่าได้รับท่อน้ำเลี้ยงหลายล้านบาทและคำสั่งจากนายใหญ่ ณ แดนไกลให้ก่อวินาศกรรมป่วนเมืองทั่วประเทศ โดยเริ่มจากที่จ.ขอนแก่น ตามแผน“ขอนแก่นโมเดล” แต่มาถูกกวาดล้างจับกุมเสียก่อน
นอกจากนี้อาวุธลอตใหญ่ซึ่งพบที่คลองสามวา ล่าสุดตำรวจระบุว่าเป็นลอตเดียวกับที่เคยใช้ก่อเหตุร้ายถล่มการชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) ในช่วงที่ผ่านมา จนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
และช่างเผอิญที่ในเวลาไล่เลี่ยกันตำรวจออกหมายจับ นางปวีณา ไกรคุปต์ อดีตสส.ราชบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา หลังจับกุม นายสัชญา สถิรพงษะสุทธิ พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก กลางคอนโดหรูย่านสีลม โดย นายสัชญา ซัดทอดว่าอาวุธดังกล่าวเป็นของ นางปวีณา ซึ่งพักอยู่ห้องตรงข้ามกัน
เหตุการณ์ลอบก่อวินาศกรรมป่วนเมืองท้าทายคณะรัฐประหารเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2550 ยุครัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร โดยมีการลอบวางระเบิดถึง10 จุดทั่วเมืองหลวง ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน
เพราะฉะนั้นต้องจับตาสถานการณ์จากนี้ไปเพราะเริ่มมีสัญญาณว่า ยิ่งระบอบทักษิณกำลังจะเข้าตาจนเข้าไปเท่าไหร่ แนวโน้มที่จะเกิดเหตุร้ายก็มีความเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี