จู่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยส่งสัญญาณเตือนไปยังกลุ่มการเมืองที่พยายามสร้างสถานการณ์รุนแรงรอบใหม่เพื่อบ่อนทำลายรัฐบาลและคสช.ให้หยุดแผนร้าย ไม่อย่างนั้นจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดภายใต้กฎอัยการศึก
และล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนส่งสัญญาณเตือนอีกครั้งโดยระบุว่าขบวนการที่ต้องการสร้างความรุนแรงมีการประชุมกันเพื่อสร้างสถานการณ์บางอย่างซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เตือนว่าหากออกมาเมื่อไหร่ก็จะถูกจัดการอย่างเฉียบขาด
ข้อน่าสังเกตก็คือหลังการส่งสัญญาณเตือนขบวนการฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลและคสช.ที่เตรียมก่อเหตุร้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ ปรากฏว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม นำทีมนายทหาร
ชั้นผู้ใหญ่รวมทั้งผู้บริหารฝ่ายความมั่นคงรวมทั้ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก บินด่วนไปยังกัมพูชาเพื่อพบสมเด็จฮุนเซ็น นายกฯกัมพูชา และ พล.อ.เตียบัน รองนายกฯและรมว.กลาโหมกัมพูชา เพื่อหารือปัญหาเร่งด่วนและลับสุดยอดบางประการ
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าหัวข้อสำคัญในการหารือระหว่างผู้แทนระดับสูงฝ่ายความมั่นคงของไทยกับฝ่ายผู้นำกัมพูชาอาจจะเกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวของขบวนการที่บ่อนทำลายรัฐบาลและคสช.อยู่ในขณะนี้ โดยที่ผ่านมาขบวนการระบอบทักษิณทั้งกองกำลังก่อการร้ายและกลุ่มเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเคยอาศัยกัมพูชาเป็นแหล่งหลบซ่อนและเคลื่อนไหว จึงอาจเป็นไปได้ว่าฝ่ายความมั่นคงของไทยขอความร่วมมือฝ่ายกัมพูชาไม่ให้ขบวนการระบอบทักษิณใช้กัมพูชาเป็นแหล่งซ่อมสุมเคลื่อนไหวอีกต่อไปเพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณว่าจะมีการก่อเหตุรุนแรงโดยขบวนการระบอบทักษิณเพราะการข่าวของหน่วยข่าวกรองได้ติดตามความเคลื่อนไหวของขบวนการระบอบทักษิณอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ลอบก่อการร้าย ระเบิดที่หน้าห้างสยามพารากอนเมื่อคืนวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่จนบัดนี้ฝ่ายตำรวจก็ยังจับกุมคนร้ายไม่ได้
เหตุร้ายกลางย่านธุรกิจสำคัญของเมืองหลวงถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของศึกแตกหักและเกิดขึ้นในท่ามกลางสถานการณ์เข้าตาจนเข้าไปทุกขณะของระบอบทักษิณโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดระบอบทักษิณ ถูกถอดถอนและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีตามด้วยการถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ส่อรู้เห็นเป็นใจกับมหกรรมทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ซึ่งคดีนี้มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี และที่สำคัญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังถูกคำสั่งคสช.ไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศจนกว่าจะสิ้นสุดการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมเนื่องจากเกรงจะหลบหนีเจริญรอยตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ผู้เป็นพี่ชาย
ขณะที่บรรดารัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยตลอดจนข้าราชการระดับสูงและพ่อค้าที่รับใช้ระบอบทักษิณก็ถูกดำเนินคดีอาญาข้อหาทุจริตการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี ทั้งนี้คดีโครงการรับจำนำข้าวนอกจากการฟ้องเอาผิดทางอาญาแล้วยังรวมถึงการฟ้องทางแพ่งเพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ความเสียหายแก่รัฐมูลกว่ากว่า 6 แสนล้านบาท ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีคดีสำคัญซึ่งจะชี้ชะตาการล่มสลายของระบอบทักษิณโดยเฉพาะคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อเอาผิด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และพวกในเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในอดีตจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บกว่า 700 คน ซึ่ง นายสมชาย อันเป็นสามีของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์(ชินวัตร)น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่เป็นทางเลือกที่จะสืบทอดอำนาจทางการเมืองของตระกูลชินวัตรในอนาคต
อีกทั้งยังมีกรณีที่ ป.ป.ช.ยื่นถอดถอน 250 อดีต สส.พรรคเพื่อไทย กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.)โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งหากสส.พรรคเพื่อไทยเหล่านี้ถูกถอดถอนผลที่ตามมาก็คือถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีทำให้พรรคเพื่อไทยมีสิทธิ์สูญพันธุ์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ดังนั้นกรณี 268 สว. จึงเชื่อว่าจะรวมอยู่ในประเด็นหากมีการเจรจาเพื่อสร้างความปรองดองด้วย
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคนในขบวนการระบอบทักษิณทั้งหลายกำลังถูกรุกไล่จนหลังผิงฝาโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สำคัญที่สุดคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่กำลังจะต้องใช้กรรมถึงขั้นติดคุกเป็นสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมไม่ได้ ขณะที่การเจรจาด้วยการอ้างการสร้างความปรองดองบังหน้าดูเหมือนจะพบทางตัน โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำหนักแน่นหลายครั้งว่า คดีต่างๆ ต้องว่าไปตามกฎหมายเพื่อรักษากติกาของสังคม อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ยังชี้ถึงกรณีโครงการรับจำนำข้าวว่าในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ตัวเองเคยเตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้วว่าโครงการนี้มีปัญหา แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมินคำเตือนและยืนยันเดินหน้าโครงการโดยจะขอรับผิดชอบปัญหาที่จะตามมาเอง
ภายใต้สถานการณ์ที่ใกล้ล่มสลายของระบอบทักษิณและโดยเฉพาะอย่างยิ่งชะตากรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ใกล้คุกเข้าไปทุกขณะทำให้ระบอบทักษิณต้องดิ้นสู้ขั้นแตกหักแบบเลือดเข้าตาด้วยการก่อเหตุร้ายใต้ดินป่วนเมืองบ่อนทำลายรัฐบาลและคสช.โดยหวังกดดันให้มีการเจรจาเพื่อลบล้างโทษความผิดของคนตระกูลชินและยุติการรุกไล่ขบวนการระบอบทักษิณ เพื่อแลกกับความสงบสุขของประเทศภายใต้ข้ออ้างสร้างความปรองดองบังหน้า
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี