ขบวนการที่ส่อเป็นอลัชชีผีโม่แป้งในคราบผ้าเหลืองนับวันจะเผยโฉมหน้าธาตุแท้ตัวเองให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตะแบง
มุ่งปกป้องธัมมชโยเจ้า เจ้าสำนักจานบินถึงที่สุดโดยไม่คำนึงถึงบาปบุญผิดถูกชั่วดี ทั้งๆ ที่ถูกเปิดโปงให้เห็นความชั่วร้าย
อย่างล่อนจ้อน โดยเฉพาะจากการแถลงของมหาเถรสมาคม(มส.)เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็เป็นการยืนยันอย่างชัดเจนจากปากนพ.เหวง โตจิราการ อดีตสส.พรรคเพื่อแม้วและแกนนำเสื้อแดงที่ย้ำว่าสำนักธรรมกายกับระบอบทักษิณเป็นพวกเดียวกัน
แก๊งอลัชชีในคราบผ้าเหลืองยังไม่สำนึกต่อบาปมหันต์ที่สร้างไว้ต่อพระพุทธศาสนาและชาติบ้านเมือง กลับยังพยายามดิ้นหนีกฎแห่งกรรมสั่งสมบาปชั่วร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดมีการปลุกระดมให้สงฆ์และเครือข่ายสำนักจานบิน รวมทั้งขบวนการพวกเดียวกันทั้งหลายลุกฮือออกมาปกป้อง ธัมมชโย ที่กำลังจะเข้าปิ้งจากกรรมเลวร้ายทั้งกรณียักยอกเงินวัดเกือบ 1,000 ล้านบาท มาเป็นสมบัติส่วนตัวตั้งแต่เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วและสถาปนาลัทธิผิดเพี้ยนบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้าและมุ่งแสวงหาประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงวิธีการแม้แต่การจ้างให้ผีโม่แป้งโดยส่อพฤติการณ์ใช้เงินและผลประโยชน์ทุกรูปแบบซื้อบรรดาพระเถระผู้ใหญ่มาเป็นพวกโดยเฉพาะในมส. ซึ่งความเลวร้าย ทำให้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถึงกับมีพระลิขิตตั้งแต่ปี 2542 ชี้ว่า ธัมมชโย ปาราชิกพ้นความเป็นสงฆ์ไปแล้ว
แต่ มส.ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นยุคผีโม่แป้งกลับส่อเจตนาแข็งขืนพระลิขิตตะแบงอ้างอัยการยุคระบอบทักษิณครองเมืองที่มี
นายพชร ยุติธรรมดำรง เป็นอัยการสูงสุดถอนฟ้อง ธัมมชโย ฐานโกงเงินวัดไปแล้วหลังมีการคืนทรัพย์ที่ยักยอกจึงถือว่าไม่มีความผิด ทั้งๆ ที่รู้กันอยู่ว่าอัยการยุคทักษิณครองเมืองเป่าคดีถอนฟ้องเพื่ออุ้ม ธัมมชโย เพราะเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นอัยการเป็นโจทก์ฟ้องธัมมชโย และเหลือสอบพยานอีกแค่ 2 ปาก
นอกจากนี้ มส.ยังอ้างหน้าตาเฉยว่ามติมส.เมื่อปี 2549 ชี้ว่า ธัมมชโย ไม่ปาราชิก เพราะฉะนั้นหากมส.ยุคผีโม่แป้งทบทวนมติเดิมเท่ากับผิดพระธรรมวินัยปาราชิก ทั้งๆ ยุคนั้นรู้กันอยู่ว่าอยู่ภายใต้อำนาจระบอบทักษิณและสำนักจานบิน
และที่น่าสงสัยก็คือข้อเสนอให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของพระเถระผู้ใหญ่ในมส.เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ปรากฏว่า พระพรหมเมธี โฆษกมส. ถึงกับคัดค้านแข็งขันอ้างเป็นเรื่องส่วนตัวของสงฆ์แต่ละรูป ซึ่งข้ออ้างอย่างนี้แหละที่ทำให้เกิดอลัชชีโล้นในคราบผ้าเหลืองสุดชั่วร้ายในอดีตมาตลอด อาทิ กิตติวุฒิโฒ ยันตระ ภาวนาพุทโธ สมีนิกร โล้นเกษม สมีเณรคำ และพระพรหมเมธี นี่ไม่ใช่หรือที่จัดงานวันเกิดส่วนตัวอย่างอลังการมีขบวนการแห่ตัวเองไปตามท้องถนนราวกับเป็นเจ้าใหญ่นายโต
ธัมมชโย ที่กำลังเป็นคดีสุดอื้อฉาวในขณะนี้ก็คือขบวนการโกงเงินก้อนสุดท้ายที่สั่งสมมาทั้งชีวิตของบรรดาคนชราผู้น่าสงสารที่ฝากไว้ในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นโดย นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเป็นศิษย์เอกของ ธัมมชโย มูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท โดยหลายร้อยล้านบาทโอนให้ ธัมมชโย และอีกกว่า 4,000 ล้านบาท เล่นแร่แปรธาตุโอนไปยังบรรดาศิษย์ใกล้ชิด ธัมมชโย และเครือข่ายสำนักจานบินทั่วประเทศ
เพราะฉะนั้นได้แต่หวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสางปัญหาของธัมมชโยอย่างตรงไปตรงมาและถึงที่สุดโดยไม่มีการตัดตอนเพื่อทำความจริงให้ปรากฏเพราะเป็นเรื่องใหญ่ร้ายแรงที่เป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา และความมั่นคงของชาติ และเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องไม่ว่าใหญ่แค่ไหนถ้าทำผิดต้องรับโทษเหมือนกับประชาชนทั่วไปไม่ใช่เป็นอภิสิทธิ์ชนที่ทำชั่วแล้วลอยนวลเหมือนที่ผ่านมา และต้องไม่ให้เกิดบรรทัดฐานเลวร้ายที่ว่า โจรพอถูกจับได้ก็ใช้เล่ห์ศรีธนญชัยยอมคืนของกลางแล้วอ้างว่าไม่ผิด
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี