นับเป็นการปฏิบัติงานที่ฉับไวของฝ่ายทหารทั้งในด้านการข่าวและการไล่ล่าขบวนการก่อการร้ายใต้ดินระบอบทักษิณซึ่งลอบก่อการร้ายระเบิดป่วนเมืองรอบใหม่ที่หน้าศาลอาญาเมื่อค่ำวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยฝ่ายทหารซึ่งตามประกบกลุ่มก่อการร้ายเสื้อแดงทุกฝีก้าวมาตลอดเกิดการยิงต่อสู้และจับกุม 2 ใน 5 แก๊งก่อการร้ายใต้ดินได้ทันควันและนำไปสู่การขยายผลพยายามสาวไปให้ถึงตัวจอมบงการ
แผนก่อการร้ายมุ่งบ่อนทำลายคณะรักษาความสงบ
แห่งชาติ(คสช.)เกิดขึ้นตั้งแต่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ปีที่แล้ว โดยกองกำลังทหารบุกเข้าจับกุมกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 20 คน พร้อมอาวุธสงครามร้ายแรงจำนวนมากในอพาร์ตเม้นท์แห่งหนึ่งในจ.ขอนแก่นซึ่งครั้งนั้นผู้ต้องหาหลายคนยอมรับสารภาพว่าได้รับท่อน้ำเลี้ยงจากต่างแดนเบื้องต้น 5 ล้านบาท เพื่อเตรียมก่อวินาศกรรมด้วยระเบิดโดยเริ่มจากที่จ.ขอนแก่นเป็นแห่งแรกตามแผน “ขอนแก่นโมเดล” จากนั้นจะลอบก่อวินาศกรรมลุกลามไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อบ่อนทำลายสร้างความระส่ำระสายในบ้านเมือง
นอกจากนี้ กำลังฝ่ายทหารยังเข้าตรวจค้นจับกุมขบวนการก่อการ้ายเสื้อแดงได้ในอีกหลายจังหวัดทั้งในกทม.พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก โดยผู้ต้องหาซัดทอดว่าได้รับการบงการโดยบุคคลสำคัญที่ใกล้ชิด “นายใหญ่” ในต่างแดนไม่ว่าจะเป็น พล.ท.มนัส เปาริก อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10)ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก และ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ขณะนี้หลบหนีคดีหมิ่นพระเดชานุภาพไปเคลื่อนไหวในต่างแดน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา กลุ่มก่อการร้ายได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบริเวณห้างสยามพารากอนซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญกลางเมืองหลวง ซึ่งจนบัดนี้ฝ่ายตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ทั้งๆ ที่มีภาพจากกล้องวงจรปิดระบุหน้าคนร้ายอย่างชัดเจน
จากการจับกุมผู้ต้องหาคดีลอบปาระเบิดที่หน้าศาลอาญาครั้งล่าสุด นายมหาหิน ขุนทอง หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกฝ่ายทหารจับกุมได้รับสารภาพว่ามีการเตรียมก่อวินาศกรรมด้วยระเบิดทั่วกรุงอีกถึง 10 จุด โดยหวังสร้างสถานการณ์เพื่อให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองในประเทศไทย
สำหรับปูมหลังผู้ต้องหาก่อเหตุปาระเบิดที่หน้าศาลอาญาครั้งล่าสุดล้วนเกี่ยวข้องกับขบวนการคนเสื้อแดงและบุคคลสำคัญของระบอบทักษิณ โดยบางคนอยู่ในขบวนการกองกำลังก่อการร้ายใต้ดินในสังกัดของ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” แกนนำเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ จ.ปทุมธานี ที่ขณะนี้หนีหมายจับคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและคดีด้านความมั่นคงไปเคลื่อนไหวอยู่ในต่างแดน
ที่น่าสนใจก็คือจากคำให้การของ นายมหาหิน ตลอดจนหลักฐานรายชื่อที่ค้นพบในตัวนายยุทธนา เย็นภิญโญ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมปรากฏรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเคยสร้างความฮือฮาแสดงตัวว่าได้ดิบได้ดีเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ
ข้อน่าสังเกตก็คือการเปิดเกมรุกส่งสัญญาณแตกหักด้วยการลอบก่อเหตุร้ายที่ศาลอาญาเหมือนสถานการณ์ช่วงเริ่มต้นของเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 และเกิดขี้นในขณะที่ระบอบทักษิณกำลังเพลี่ยงพล้ำทางการเมืองอย่างหนักซึ่งที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่สำคัญก็คือ กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดกำลังเข้าสู่การถูกดำเนินคดีอาญาฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ส่อรู้เห็นเป็นใจกับมหกรรมโกงโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความหายนะล่มจมแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 6 แสนล้านบาท และกำลังจะถูกฟ้องทางแพ่งเพื่อให้ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินมูลค่าหลายแสนล้านบาท ซึ่งข้อน่าสังเกตคือเหตุร้ายที่เกิดขี้นที่ศาลอาญาเหมือนเป็นสัญญาณเตือนเชิงสัญลักษณ์
ขณะแกนนำคนสำคัญของตระกูลชินและระบอบทักษิณต่างถูกดำเนินคดีกันอย่างถ้วนหน้าไม่ว่าจะเป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯหุ่นเชิดน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกส่งฟ้องดำเนินคดีอาญาในเหตุการณ์สั่งปราบปรามกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมี 250 สส. พรรคเพื่อไทยกำลังจะถูกชี้ชะตาถอดถอนกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.)โดยมิชอบซึ่งหากถูกถอดถอนจะทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ซึ่งนั่นหมายถึงการล่มสลายของระบอบทักษิณ ขณะที่แกนนำคนเสื้อแดงกว่า 10 คน นำโดย นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เพิ่งถูกศาลตัดสินจำคุกคดีก่อจลาจลบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยาเมื่อปี 2552 ยังไม่รวมถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ที่กำลังใกล้จะสำเร็จซึ่งเนื้อหารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะส่งผลต่อระบอบทักษิณอย่างรุนแรง
ภายใต้กฎอัยการศึก การที่ระบอบทักษิณจะอาศัยม็อบเสื้อแดงออกมาแสดงพลังเพื่อนำไปสู่การก่อการร้ายหวังล้มอำนาจรัฐในปัจจุบันเหมือนเมื่อปี 2553 ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นขบวนการระบอบทักษิณจึงต้องใช้ปฏิบัติการก่อการร้ายใต้ดินด้วยระเบิดป่วนเมืองเพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพของคสช.และเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกันก็หวังจุดชนวนให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายหวังดึงให้สหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงการเมืองของไทยตามแผนใช้โลกล้อมประเทศซึ่งระบอบทักษิณพยายามทำมาตลอด ทั้งนี้แม้ฝ่ายคสช.จะสามารถจับกุมกลุ่มการร้ายปาระเบิดที่ศาลอาญาได้ แต่ขบวนการก่อการร้ายใต้ดินระบอบทักษิณอีกจำนวนไม่น้อย ดังนั้นต้องจับตาสถานการณ์จากนี้ไปเพราะขบวนการก่อการร้ายป่วนเมืองระบอบทักษิณไม่ยอมรามือและจ้องรอโอกาสที่จะก่อเหตุร้ายตลอดเวลาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตัวเองต้องการโดยไม่คำนึงถึงความหายนะที่จะเกิดกับชาติบ้านเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี