การที่มีผู้ระเบิดและอาวุธสงครามร้ายแรงจำนวนมากในพื้นที่ปลูกป่าริมถนนเพชรเกษม ต.หนองแก่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาถือเป็นสัญญาณที่ไม่ธรรมดาและอาจเป็นแผนก่อเหตุร้ายของขบวนการก่อการร้ายป่วนเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พยายามชี้ว่าอาวุธที่พบเป็นของเก่าเสียส่วนใหญ่ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม พยายามทำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก โดยชี้ว่าคงเป็นอาวุธเก่าที่เคยซุกซ่อนไว้ที่อื่นและถูกขุดนำมาซ่อนไว้ในจุดที่พบครั้งล่าสุด แต่ไม่รู้เป็นของใคร ซึ่งคงไม่ได้เป็นการเตรียมการอะไรและเป็นคนละเรื่องกับเหตุการณ์ป่วนเมืองช่วงนี้ ทั้งนี้ไม่มีอะไรมากมายที่จะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรก็ยังเดินหน้าต่อไปตามปกติและไม่ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอะไร
ส่วน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก พยายามชี้ว่าระเบิดจำนวนมากที่พบคงไม่เชื่อมโยงกับเหตุระเบิดป่วนเมืองก่อนหน้านี้ แต่อาจเป็นเจ้าหน้าที่กวดขันจับกุมต่อเนื่องทำให้ผู้ครอบครองอาวุธกลัวความผิดเลยนำมาทิ้ง
แม้จะมีคำยืนยันจากผู้นำคสช.ทั้งสอง อย่างไรก็ตามมีข้อน่าสังเกตว่า ทำไมถึงมีการเคลื่อนไหวย้ายอาวุธสงครามจำนวนมากที่ซ่อนไว้ดีอยู่แล้วมาซ่อนในที่ใหม่ในช่วงนี้ ซึ่งอาวุธสงครามที่พบล้วนมีอานุภาพทำลายล้างร้ายแรงมากสามารถถล่มเมืองหรือทำสงครามก่อการร้ายได้สบาย อีกทั้งมีเป็นจำนวนมาก อาทิ ระเบิดทีเอ็นทีขนาดต่างๆ รวมประมาณ 50 แท่ง ระเบิดซีโฟร์วัน ขนาด ¼ ปอนด์ 4 แท่ง ระเบิดเพลิงประเทศต่างๆ รวม 31 ลูก และอีกจำนวนมาก ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่า การพบระเบิดจำนวนมหาศาลครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนและใกล้กับสถานที่พักฟื้นกองทัพบกสวนสนประดิพัทธ์ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่จัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรระหว่างวันที่ 27-28 มี.ค.นี้ เพียงไม่กี่วัน โดยจุดพบกองระเบิดอยู่ห่างสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรแค่ 2 กม.
ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือกระสอบที่ใช้บรรจุระเบิดมีข้อความระบุว่า “ร้อย 1 พัน 1” อันเป็นหน่วยงานของทหารทำให้เกิดคำถามว่าอาวุธสงครามร้ายแรงจำนวนมากมายขนาดนี้เล็ดลอดจากคลังแสงของกองทัพซึ่งปกติมีการเฝ้าดูแลอย่างเข้มงวดได้อย่างไร และเล็ดลอดออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากบุคคลสำคัญของคสช.
ข้อสังเกตประการต่อมาการพบคลังแสงอาวุธสงครามร้ายแรงครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดต่อเนื่องหลังจากที่เกิดเหตุระเบิดที่ห้างสยามพารากอนเมื่อเดือนที่แล้วและตามด้วยเหตุการณ์ปาระเบิดที่ศาลอาญาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา อีกทั้งเกิดขี้นในวันเดียวกับที่ขบวนการเสื้อแดงที่จ.ระยอง โปรยใบปลิวบ่อนทำลายคสช.ทั่วเมือง
ซึ่งจากข้อสังเกตทั้งหมดยากที่จะเชื่อว่าการพบคลังแสงอาวุธสงครามร้ายแรงครั้งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการระเบิดก่อการร้ายป่วนเมืองระบอบทักษิณซึ่งกำลังสู้แบบเลือดเข้าตาแบบไม่มีอะไรจะเสียหลังจากที่ถูกกวาดล้างและพ่ายแพ้ในทุกแนวรบ
เพราะฉะนั้นตราบใดที่กองกำลังก่อการร้ายใต้ดินของระบอบทักษิณยังไม่ถูกปฏิบัติการเชิงรุกกวาดล้างจนสิ้นซากโดยเฉพาะตัวการใหญ่ ตราบนั้นก็อย่าหวังว่าจะไม่เกิดระเบิดป่วนเมืองขึ้นอีกเพราะยังมีกองกำลังก่อการร้ายใต้ดินอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังซุ่มซ่อนอยู่โดยใช้ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทยบางประเทศเป็นแหล่งซ่องสุม และที่ต้องจับตาคือพวกทหารแตงโมที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีอยู่ในกองทัพ
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี