หลังจากที่เงียบหายไปนานล่าสุดนายธีรยุทธ บุญมี นักวิชาการเสื้อกั๊กผู้โด่งดังในการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองก็กลับมาอีกครั้งในยามที่สถานการณ์บ้านเมืองนับวันเดือดพล่าน โดยนายธีรยุทธเสนอแนะให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจพิเศษให้สมกับสถานการณ์พิเศษของประเทศสร้างผลงานให้เข้าตามหาชนเพื่อไม่ให้การยึดอำนาจและเป้าหมายการปฏิรูปประเทศเสียของ ซึ่งหากสร้างผลงานได้ดีก็จะเรียกศรัทธาจากมหาชนสยบกระแสต่อต้านวิพากษ์วิจารณ์คสช.และรัฐบาล
ที่ผ่านมาคสช.ดูจะเกร็งๆ กล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าใช้อำนาจพิเศษทำให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเห็นผลและรวดเร็วเท่าที่ควร
ทั้งนี้ข้อเสนอของ นายธีรยุทธ จับประเด็นได้ว่า การปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องยากที่จะทำสำเร็จได้หมดในระยะเวลาอันสั้น ฉะนั้นคสช.ควรจะจัดลำดับก่อนหลังด้วยการมุ่งทำในเรื่องที่สำคัญโดยเฉพาะการจัดการกับพวกโกงบ้านกินเมืองและพวกอิทธิพลนอกระบบให้สิ้นซากซึ่งหากทำสำเร็จให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมจนประชาชนเกิดศรัทธาก็จะกลายเป็นเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งของคสช.
กลุ่มอิทธิพลนอกระบบที่สำคัญคือขบวนการก่อการร้ายป่วนเมืองระบอบทักษิณซึ่งแม้จะมีการกวาดล้างจับกุมก็เป็นแค่ระดับปฏิบัติงานยังสาวไม่ถึงตัวบงการใหญ่ที่แท้จริงและจับตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้แม้แต่คนเดียว ส่วนผู้มีอิทธิพลทั้งในระดับชาติหรือระดับท้องถิ่นซึ่งที่ผ่านมาทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ทั้งมาเฟียรถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ พวกหนี้นอกระบบ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับคนมีสีจะต้องกวาดล้างให้สิ้นซาก ซึ่งเมื่อตอนคสช.ยึดอำนาจใหม่ๆ เข้ามาจัดระเบียบจนเรียบร้อยได้รับเสียงชื่นชม แต่ตอนนี้เริ่มเข้าอีหรอบเดิม ยังไม่พูดถึงมาเฟียหวย มาเฟียน้ำมันเถื่อน มาเฟียรุกป่า มาเฟียในเครื่องแบบ มาเฟียท้องถิ่นอีกจำนวนมากที่ยังลอยนวลท้าทายกฎอัยการศึก
ส่วนเรื่องปราบโกงนั้น คดีทุจริตระดับชาติต้องไม่ปล่อยให้คนผิดลอยนวล ซึ่งที่สำคัญคือคดีโครงการรับจำนำข้าวที่แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดจะตกเป็นจำเลยฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้มีการทุจริตและสร้างความพินาศล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ และรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 2 คนคือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และ นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ จะตกเป็นจำเลยฐานทุจริตการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี โดยคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีความพยายามเจรจาเพื่อล้มคดีโดยอ้างการสร้างความปรองดองบังหน้า
หรือเตะถ่วงยื้อคดีให้นานที่สุดเพื่อรอให้คสช.พ้นจากอำนาจ หรือแม้แต่แผนหลบหนี เพราะฉะนั้นคสช.ต้องไม่ปล่อยให้คนผิด
ลอยนวลเด็ดขาดเพราะเป็นคดีร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่สังคมเฝ้าจับตาเนื่องจากสร้างความเสียหายแก่ประเทศมูลค่ามหาศาล อีกทั้งต้องเร่งฟ้องทางแพ่งเพื่อให้จำเลยทั้งหมดชดใช้ความเสียหายต่อรัฐ
อีกคดีหนึ่งคือคดีฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท โดยมีการยักย้ายถ่ายเทโยงใยกับเครือข่ายสำนักพระธรรมกาย ซึ่งคดีนี้เป็นคดีใหญ่เพราะมีประชาชนผู้ฝากเงินได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ดังนั้นคสช.ต้องไม่ปล่อยให้คดีนี้ซึ่งมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) รับผิดชอบ มีการดึงเกมและกลายเป็นมวยล้มต้มคนดูจับมือใครดมไม่ได้ในที่สุด
ความจริงมีผู้เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. น่าใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของธรรมนูญชั่วคราวยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับ 2 รัฐมนตรี เพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน และป้องกันหลบหนี
สำหรับการขจัดทุจริตในระยะยาวต้องกำหนดกติกาการปฏิรูปประเทศไว้ในรัฐธรรมนูญโดยมุ่งขจัดธุรกิจการเมืองทุนสามานย์และการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเข้มข้นจริงจัง ด้วยบทลงโทษที่รุนแรงทั้งทางอาญาและทางการเมืองโดยเฉพาะนักการเมืองที่ถูกถอดถอนหรือถูกชี้มูลความผิดต้องห้ามเล่นการเมืองไปตลอดชีวิตและกำหนดให้คดีทุจริตไม่มีอายุความ
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี