นับเป็นความพยายามของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ภายใต้นโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ที่จะสร้างความปรองดองในชาติผ่าน พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบกในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูป(ศปป.)และ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้เชิญตัวแทนพรรคการเมือง กลุ่มพลังมวลชน นักวิชาการและตัวแทนสื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เพื่อหาทางสร้างความปรองดองในชาติ
ตามข่าวระบุว่าตัวแทนพรรคการเมืองทั้งหลายโดยเฉพาะสองพรรคใหญ่คือ เพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ดูเหมือนจะรวมหัวกันต้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แบบหัวชนฝาโดยพยายามชี้ว่าจะเป็นระเบิดเวลาที่สร้างความขัดแย้งแทนที่จะนำไปสู่ความปรองดอง ถึงขนาดสองพรรคใหญ่เสนอเงื่อนไขว่ายอมที่จะยืดเวลาการเลือกตั้งทั่วไปออกไปเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญให้รอบคอบเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและมีการทำประชามติ
เรื่องข้อเสนอยืดเลือกตั้งทั่วไปออกไปยังสงสัยว่า ตัวแทนพรรคเพื่อไทยถามนายใหญ่นักโทษหนีคุกแล้วหรือยัง เพราะยิ่งยืดการเลือกตั้งออกไปโอกาสที่พรรคเพื่อแม้วจะกลับมามีอำนาจ
ยึดครองประเทศตามยุทธศาสตร์ของนายใหญ่นักโทษหนีคุกก็ยิ่งมองไม่เห็นอนาคต ขณะที่คนของตระกูลชินกำลังทยอยชดใช้กรรมใกล้ประตูคุกเข้าไปทุกขณะ
ข้อสังเกตอีกอย่างก็คือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่น่าจะเป็นตัวปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างความปรองดองอย่างที่บรรดาตัวแทนพรรคการเมืองอ้าง เพราะร่างรัฐธรรมนูญยังไม่สะเด็ดน้ำสามารถแก้ไขได้
คำถามอยู่ที่ว่าร่างรัฐธรรมนูญคือปัญหาอุปสรรคของการสร้างความปรองดองหรือมีปัจจัยหลักอื่นที่เป็นอุปสรรคที่แท้จริงในการสร้างความปรองดอง โดยเฉพาะเป้าหมายที่บงการโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกที่รู้กันอยู่ว่าต้องการฟอกโทษความผิดให้ตัวเอง รวมทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ที่กำลังเจอวิบากกรรมครั้งสำคัญในชีวิตโดยมีสิทธิ์ติดคุกและถูกฟ้องแพ่งต้องชดใช้ความเสียหายให้แผ่นดินมูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท จากพิษคดีโครงการรับจำนำข้าว
ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยพยายามที่จะรวบรัดหักดิบผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่มีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งฟอกโทษความผิดให้กับ นักโทษชายแม้วเพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ จนเป็นชนวนนำไปสู่การออกมาแสดงพลังต่อต้านของมวลมหาประชาชนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จำนวนเกือบ 10 ล้านคนมาแล้ว
อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ย้ำมาตลอดว่าคนทำผิดก็ต้องว่าไปตามกฎหมายเป็นคนละเรื่องกับการสร้างความปรองดอง
เพราะฉะนั้นคำถามจึงย้อนกลับมาที่เหล่าแกนนำพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อหาแนวทางสร้างความปรองดองตามคำเชิญของคสช.ว่า จริงใจที่จะสร้างความปรองดองด้วยการเลิกทำตัวเป็นผีโม่แป้งทาสรับใช้ที่คอยรับท่อน้ำเลี้ยงและคำบงการจากนายใหญ่นักโทษหนีคุกหรือไม่
ทั้งนี้หากจริงใจต้องปลดแอกตัวเองเลิกฟังคำสั่งและก้าวข้ามเป้าหมายของนายใหญ่นักโทษหนีคุกรวมทั้งคนตระกูลชิน รวมทั้งเลิกพูดถึงการนิรโทษกรรมที่มีวาระแอบแฝงเพื่อล้างโทษให้นักโทษชายแม้วและน.ส.ยิ่งลักษณ์ตลอดจนคนตระกูลชินคนอื่นๆ เพราะหากยังทำตัวเป็นลิ่วล้อผีโม่แป้งเหมือนเดิมก็เสียเวลาที่จะมาพูดเรื่องการสร้างความปรองดอง
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี